จากที่มีข่าวกำลังเป็นที่พูดถึงกันในสังคมไทยขณะนี้ กรณีครูร่วมกันข่มขืนนักเรียนหญิง รวมทั้งกรณีอื่นๆอีกหลายเหตุการณ์ ล่าสุดอดีตผู้พิพากษาได้ออกมากระตุ้นถึงกระทรวงศึกษาธิการ ถึงระบบการเรียนการสอนที่ต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน!?!
ทั้งนี้นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็น เสนอแนะลงในเฟซบุ๊กถึงเรื่องราววงการระบบการศึกษาไทย การเรียนการสอน ที่ปัจจุบันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยมีความคิดเห็นที่นำเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรงไว้อย่างน่าสนใจดังนี้
…..ข่าวคนกลุ่มหนึ่ง ๕ คน ที่นักเรียนในโรงเรียนและประชาชนทั่วไปเรียกว่า “ครู” ได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กนักเรียนชั้นมัธยม ๒ คนหนึ่งซึ่งมีอายุไม่เกิน ๑๕ ปี ในโรงเรียนที่ตนเองปฎิบัติหน้าที่อยู่อันมีลักษณะเป็นโทรมหญิง และยังได้ถ่ายคลิปวิดีโอไว้ข่มขู่เด็กด้วย
…..ยังมีข่าวว่ามีนักเรียนหญิงถูกกระทำเพิ่มอีก ๒ คน กรณีที่เกิดขึ้นนี้ถ้าเป็นความจริงกล่าวย่อมได้ว่า ทั้งห้าคนนี้มีความเป็นมนุษย์เฉพาะร่างร่างกายเท่านั้น แต่จิตใจหาใช่มนุษย์ไม่
…..ก่อนหน้านี้ไม่นานก็มีข่าวผู้ที่คนอื่นเรียกว่า “ครู” มีตำแหน่งระดับผู้อำนวยการ ลวนลามจับหน้าอกเด็กนักเรียนชั้นประถม
…..เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ปีนี้ ผู้ที่คนอื่นเรียกว่า “ครู” มีตำแหน่งระดับผู้อำนวยการเช่นเดียวกันใช้อาวุธปืนเข้าไปชิงทรัพย์ร้านทองในห้างสรรพสินค้าที่จังหวัดสระบุรี และใช้อาวุธปืนยิงพนักงานร้านทองและผู้อื่นตายรวม ๓ คน
…..ยังมีข่าวการทุจริตโกงกินค่าอาหารกลางวันของนักเรียนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก…..เรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ระบบการจัดการศึกษาของไทยตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
…..เพราะมัวมุ่งเน้นด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว โดยทิ้งเรื่องคุณธรรมจริธรรมและศีลธรรมไปหมดสังคมไทยจึงมีคนเก่งแต่ขี้โกงเต็มบ้านเต็มเมือง มีครูโกงค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน และกระทำอนาจารหรือข่มขืนกระทำชำเราเด็กนักเรียน
…..กระทรวงศึกษาธิการตื่นจาการหลับได้แล้ว ต้องมีการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงชั้นมัธยมโดยนำวิชาหน้าที่พลเมือง และวิชาศีลธรรมกลับมาสอนกันอีกอย่างที่เคยสอนกันมาแล้วในอดีต
…..รวมทั้งนำหนังสือสมบัติผู้ดีมาให้เด็กชั้นประถมท่องกันก่อนเลิกเรียนทุกวันด้วย เพื่อจะได้ช่วยให้เด็กๆ ไม่พูดจาหยาบคายอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในขณะนี้…..ก่อนที่สังคมไทยจะเหลวแหลกไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ที่มา : เฟซบุ๊กChuchart Srisaeng