จากกรณีนายทักษิณนอนรักษาตัวที่รพ.ตร.ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานต้องติดคุกเป็นจำนวนหลายราย โดยพยานสำคัญอย่างอดีตนายตำรวจ ซึ่งให้ข้อมูลที่มัดแน่น เรียกว่าแทบดิ้นไม่หลุดกันทั้งขบวนการ?!?
ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวกรณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อย่างเมื่อวันที่ 05 พฤศจิกายน 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้ออกมาเฟซบุ๊คไลฟ์ ซึ่งมีบางช่วงที่น่าสนใจว่า กรณีชั้น 14 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์สื่อ เล่าถึงวันไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ
“ทักษิณไม่ได้แต่งตัวในชุดคนป่วย แต่ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น ไม่มีอุปกรณ์การแพทย์ นอกจากนี้ยังมีคนติดตามมารับใช้ คอยเสิร์ฟข้าวเหนียวมะม่วง รอถามเพิ่มน้ำส้มคั้นด้วยหรือไม่
สิ่งนี้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะนักโทษอยู่ รพ.ตำรวจ ต้องป่วยวิกฤต อาการหนักเกินกว่า รพ.ราชทัณฑ์ จะรักษาได้ แต่สภาพที่ พล.ต.อ.เสรีศุทธ์ บรรยายมา ทักษิณ ไม่ได้ป่วย กลับใช้ รพ.ตำรวจ เป็นที่รับแขก” นายจตุพร กล่าว
อีกทั้งนายจตุพร ยังกล่าวว่า การส่งเวชระเบียนผู้ป่วยให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เป็นเรื่องง่ายของ รพ.ตำรวจ แต่กลับบอกเป็นความลับ ทั้งที่ไม่ได้นำมาเผยแพร่ เพราะต้องการใช้เป็นหลักฐานสอบสวนดำเนินคดีในชั้นการตรวจสอบของ ปปช. ที่มีคำร้องจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นร้องเรียนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยเอื้อประโยชน์ให้นักโทษ
“การขอเวชระเบียนรักษาทักษิณ จึงเป็นคนละเรื่องกับการเผยแพร่ความลับของผู้ป่วย เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเกิดความสงสัยว่า รพ.ตำรวจ ได้รักษาและบันทึกเวชระเบียนของทักษิณหรือไม่ เนื่องจากแสดงพฤติกรรมปกปิดเป็นความลับ ถึงขนาดยอมติดคุก อย่างไรก็ตาม จะอ้างเหตุอะไรก็ตาม แต่อย่าไปแบกไว้ มันเป็นของร้อน
ยังมีรายชื่อ 10 ผู้มีสิทธิเข้าเยี่ยมได้ ซึ่งในนั้นมีนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร อยู่ด้วย ถ้าผลสอบออกมาว่า ทักษิณ ไม่ได้ป่วยจริง คนเหล่านี้ต้องเจอข้อหาร่วมกันปกปิดเพื่อไม่ให้นักโทษได้รับโทษติดคุกที่เหลือ 1 ปี”
นายจตุพร ย้ำว่า เรื่องเวชระเบียนเมื่อไม่ส่งให้ ปปช. ย่อมเท่ากับยอมรับว่า ไม่มี อีกอย่างห้องผู้ป่วยวิกฤตนั้น นอกจากพยาบาลแล้ว คนภายนอกจะเข้าไม่ได้ แต่มีคนมาเสิร์ฟน้ำส้ม ข้าวเหนียวมะม่วง
“ขอเตือนเจ้าหน้าที่ รพ.ตำรวจ และราชทัณฑ์ ให้ไปดูตัวอย่างข้าราชการสูง ระดับอธิบดี รองอธิบดี หรือผู้อำนวยการของกระทรวงพาณิชย์และคลัง ซึ่งบัดนี้ยังติดคุกอยู่ ส่วนอดีตองค์การโทรศัพท์ที่ติดคุกได้พ้นโทษออกมาเมื่อวัย 80 ปี การเอาชีวิตราชการมาแลกกับลาภไม่ควรได้ จึงต้องชดใช้กันในเรือนจำ แล้วถามว่ามีใครมาดูแลหรือไม่ มีอดีตรมต.บางคนติดคุกยังกู้เงินมาประกันตัวเองเลย นั่นคือโลกแห่งความเป็นจริง” นายจตุพร ระบุ
นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวอีกว่า กรณีความผิดของนายทักษิณ ทุกอย่างเริ่มใกล้เข้ามาเล่นงานในวัยบั้นปลายชีวิต เพราะทุกอย่างเต็มไปด้วยหลักฐานแสดงถึงกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา โดยความจริงแล้วถ้าป่วยจริง ทำเวชระเบียนรักษาจริง ควรส่งเป็นเอกสารประทับลับให้ ปปช. แค่นี้ก็เผยแพร่ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร ได้ตำหนิฝ่ายค้านตื่นตัวทางการเมืองและทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลล่าช้า จนทำให้สงสัยไปถึงการฮั้วในดีลฮ่องกงหรือไม่ การทำหน้าที่ฝ่ายค้านถ้าไม่เกาะติดอย่างจริงจัง เอาแต่เฉียดปัญหาไปมาก็ไม่แตกต่างจากรัฐบาล สะท้อนแนวโน้มจะได้เสียงเลือกตั้งกลับมามากมายเกินครึ่งย่อมลดน้อยลง เพราะไม่มีความแตกต่างจากพฤติกรรมของรัฐบาล
“อีกทั้งปัญหาสังคมเคลือบแคลงมาตั้งนาน เช่นกรณีชั้น 14 การเจรจาผลประโยชน์พลังงานแหล่งทับซ้อน และ MOU 44 กลับเพิ่งตื่นตัว จึงเรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนการทำหน้าที่ก่อนชาติจะฉิบหายด้วยโครงการผลประโยชน์รัฐบาลก่อหายนะต่อบ้านเมือง โดยเฉพาะนโยบายเร่งตั้งบ่อนคาสิโน 8-10 แห่งทั่วประเทศ” นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
#รพ.ตร. #ทักษิณ #จนท.ราชทัณฑ์ #อดีตรมต. #ติดคุก #กู้เงิน #ประกันตัว #จตุพร #อุ๊งอิ๊ง #MOU44 #ชั้น 14 #เสรีพิศุทธ์ #กสม.