จากที่มีรายงานปปช.จะแจ้งความดำเนินดีกับผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ กรณีไม่ส่งเวชทะเบียนของนายทักษิณ ขณะที่นายกฯก็ปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ยิ่งทำให้สังคมสงสัยในความบริสุทธิ์ของสองพ่อลูกเป็นอย่างมากว่าไม่ได้ป่วยจริง???
โดยเมื่อวันที่ 04 พฤษจิกายน 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบกรณีมีกระแสข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พยายามขอเวชชระเบียนการรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโรงพยาบาลตำรวจไปถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับ โดยนายกฯ ฟังคำถามและพยักหน้ารับทราบ แต่ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
ต่อมาในวันเดียวกัน ภายหลังเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการฯ ผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง แต่นายกฯก็ยังคงปฏิเสธตอบคำถาม
ล่าสุดวันนี้ 05 พฤศจิกายน 2567 เฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan – จตุพร พรหมพันธุ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งผ่านการจัดรายการที่น่าติดตาม โดยมีเนื้อหาบางช่วงระบุว่า
เมื่อ 4 พ.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ โดยกังขาแพทย์และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์ ปกปิดเวชระเบียนบันทึกการรักษาอาการป่วยของทักษิณ ชินวัตร ตลอด 181 วันไว้เป็นความลับ เพื่อแลกกับตัวเองต้องถูกฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งมีโทษติดคุก
“หากมีเวชระเบียนบันทึกการรักษาทักษิณจริง แล้วเรื่องอะไรต้องปกปิด คุณยอมปกป้องข้อมูลคนป่วยไม่ให้รั่วไหลออกมา เพื่อแลกกับตัวเองต้องติดคุกเหรอ หรือคุณไม่มีเวชระเบียน ไม่ได้บันทึกการรักษาผู้ป่วยมาตั้งแต่ต้น จึงเป็นที่สงสัย
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ขอเวชระเบียนการรักษาทักษิณ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ยอมส่งให้ การขอเวชระเบียนไม่ได้นำไปเผยแพร่ แต่ขอข้อมูลของคนป่วยเพื่อประกอบคดีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นให้ตรวจสอบ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับทักษิณป่วยหรือไม่ป่วยจริง”
ทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวว่า คำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ มุ่งเข้าสู่การกล่าวหา นายทักษิณเท่านั้น ส่วน พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดูแลโรงพยาบาลตำรวจ และนายกฯแพทองธาร ในฐานะกำกับ สตช. รับทราบกรณีปปช.ยื่นขอเวชระเบียนกับรพ.ตำรวจมาแล้วถึง 3 ครั้ง ซึ่งไม่ใช่ขอความลับว่า ป่วยจริงหรือไม่ แต่จะนำไปตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับหมอและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นการขอเวชระเบียนเท่ากับให้ชี้แจงในคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
“ขอบอก ผบ.ตร.ให้ชัดเจนว่าคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของ รพ.ตำรวจ และราชทัณฑ์ จะถูกยื่นฟ้องไปที่ศาลอาญาทุจริต ซึ่งแตกต่างจากกรณีของทักษิณ ที่ส่งให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ดังนั้น ปปช. ขอเวชระเบียนการรักษาไม่ได้อยากรู้การรักษาผู้ป่วย แต่เพื่อจะนำไปยื่นดำเนินคดีต่อศาลอาญาทุจริตข้อหาเจ้าหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของ ผบ.ตร.ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ
ส่วน อุ๊งอิ๊ง นอกจากเป็นนายกฯกำกับ สตช.แล้ว ยังมีอีกสถานะคือ ก่อนเป็นนายกฯและมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้มีสิทธิ์เข้าเยี่ยมได้ 10 คน ถ้าผลตรวจสอบของแพทยสภาออกมาว่า ทักษิณ ไม่ได้ป่วยจริง แต่หมอช่วยเหลือให้อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ดังนั้น 10 ชื่อในบัญชีเข้าเยี่ยมต้องถูกข้อหาปกปิดไปด้วย”
นอกจากนี้ นายจตุพร ยังชี้ให้เห็นว่า การป่วยจริงหรือไม่นั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พยานให้ข้อมูลกับ ปปช.ว่าไปเยี่ยมทักษิณถึง 2 ครั้ง ไม่พบเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เฝ้าอยู่ชั้น 14 หน้าห้องผู้ป่วย และบอกว่านายทักษิณเดินป้อไม่แสดงอาการป่วยจริง รวมถึง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก อดีตรองผู้บัญชาการำรวจแห่งชาติ บอกเคยไปเยี่ยม 1 ครั้งที่โรงพยาบาลตำรวจ ถ้าถูกเชิญจะไปให้ข้อมูลเป็นพยานกับ ปปช.เช่นกัน
“ผบ.ตร.ไม่ควรลากโยงไปถึงส่วนอื่นปกปิดบันทึกเวชระเบียนผู้ป่วย เพราะไม่ว่าชั้นยศไหนย่อมติดคุกได้ทั้งนั้น แล้วกรณีนี้ยังจะลามไปถึงนายกฯอุ๊งอิ๊ง เป็นผู้มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจกับการปกปิดการรักษาผู้ป่วยไม่จริงอีกด้วย
ที่เคยบอกว่าจะกวาดกันทั้งตระกูลเข้าใจแล้วหรือยัง และเข้าใจหรือไม่ว่า ทำไมอุ๊งอิ๊งได้เป็นนายกฯ เพราะอุ๊งอิ๊ง มีฐานะนายกฯ และเป็นทั้งฐานะลูก แล้วยังเป็นผู้หนึ่งใน 10 ผู้มีสิทธิเข้าเยี่ยมนักโทษทักษิณ ชั้น 14 ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ได้ป่วยจริง ต้องเจอทั้งฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ทั้งขัดพระบรมราชโองการ ทั้งผิดกฎหมายร่วมกันปกปิด ผิดสารพัด ซึ่งข้อหาหนักๆทั้งนั้น” นายจตุพร กล่าว
#ชั้น14 #รพ.ตร. #ทักษิณ #คดีร่วมกันปกปิด #อิ๊งค์ #พระบรมราชโองการ #ผบ.ตร. #จำคุก #จตุพร #บิ๊กโจ๊ก #เสรีพิศุทธ์ #จริยธรรม #เวชทะเบียน