จากกรณีช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งจุดยืนชัดเจนต่อสถาบันฯ ทั้งพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา112 ขณะที่มีชาวต่างชาติร่วมด้วย โดยถูกตั้งข้อสงสัยถึงสหรัฐ เพราะมีปรากฏถึงซีไอเอมาฝังตัวอยู่ในไทยหลายสิบปี
ล่าสุดวันนี้ 22 ตุลาคม 2567 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ระบุถึงความเคลื่อนไหวของ มหาวิทยาลัยนเรศวรจ้างฝรั่งมาบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออย่างไร? สำหรับข้อความเนื้อหามีบางส่วนที่สำคัญว่า
“พอล แชมเบอร์ส ระบุว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการแต่งตั้งตำแหน่งระดับสูงในกองทัพ
ดร.พอล แชมเบอร์ เป็นอาจารย์และที่ปรึกษาพิเศษด้านกิจการต่างประเทศ ของ Center of ASEAN Community Studies คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
บทความมากมายของเขาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของสถาบันกษัตริย์ กับความสัมพันธ์ระหว่าง ทหารและพลเรือน และระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย
นี่คือส่วนหนึ่งของการวิพากษ์วิจารณ์ของเขา ว่าพระมหากษัตริย์มีอำนาจทางกฎหมายมากกว่านายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งในเรื่องการปรับโครงสร้างกองทัพ ดังนี้
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2024 ประเทศไทยได้มีการปรับเปลี่ยนผู้นำในกองทัพและตำรวจใหม่ ซึ่งการแต่งตั้งเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงมีอำนาจผูกขาดในด้านการควบคุมอาวุธของประเทศ
รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ขาดการควบคุมกองทัพโดยพลเรือน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ กองทัพยังคงอยู่ภายใต้อำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพระมหากษัตริย์มีอำนาจทางกฎหมายมากกว่านายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งในเรื่องการปรับโครงสร้างกองทัพ
ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อกระบวนการทำให้เป็นประชาธิปไตย การปรับโครงสร้างกองทัพในปีนี้แสดงถึงความแตกแยกภายในและความตึงเครียดระหว่างความต้องการของพลเรือนและทหาร”
https://www.iseas.edu.sg/…/thailands-2024-military-and…/
แต่ข้อเท็จจริงตามหลักรัฐธรรมนูญของไทย การแต่งตั้งข้าราชการทหารระดับสูง เช่น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือผู้บัญชาการเหล่าทัพนั้น อยู่ในอำนาจของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้เสนอรายชื่อเพื่อให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธย
นักการเมือง โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีบทบาทหลักในการแต่งตั้งตำแหน่งสูงในกองทัพ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องผ่านคณะรัฐมนตรีและระบบการปกครองตามรัฐธรรมนูญ การลงพระปรมาภิไธยจากพระมหากษัตริย์เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบรัฐธรรมนูญแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy)
มหาวิทยาลัยนเรศวร จ้างฝรั่งเข้ามาสร้างข้อมูลบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง เพื่อบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือไม่?
คนไทยและหน่วยงานของรัฐ จะปล่อยให้ มหาวิทยาลัยนเรศวรจ้างฝรั่งมาบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือ?
(อ่านรายละเอียดhttps://www.facebook.com/profile.php?id=100070260068883)
ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน นั่นคือวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งมีบางช่วงที่น่าสนใจว่า “บอสพอล เบื้องหลังสำคัญขบวนการสามนิ้ว?
นายพอล แชมเบอร์ เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาฝังตัวในประเทศไทยหลายครั้ง รวมเวลามากกว่า 20 ปี มักเขียนบทความในเชิงด้อยค่า ใช้การคาดคะเนเชื่อมโยงคล้ายกับข่าวลือ จับแพะชนแกะเน้นเซาะกร่อนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคงเป็นหลัก นอกจากพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน ยังมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสามนิ้วและพวกล้มเจ้าหนีคดี จึงเกิดเป็นคำถามสำคัญที่ว่านายพอล แชมเบอร์ ที่แท้แล้วเป็น #บอสพอล ในขบวนการสามนิ้ว ใช่หรือไม่?
ประเด็นที่สะท้อนคุณภาพของบอสพอล แชมเบอร์ ได้ดีน่าจะเป็นการพยายามเชื่อมโยงว่า ผบ.ทร. คนใหม่สนิทสนมกับทางวัง ด้วยการยกว่า ผบ.ทร. คนใหม่เรียนจบจากประเทศเยอรมนีที่สถาบัน Marineschule Murwik ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง Munich ที่ในหลวงองค์ปัจจุบันเคยไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ทั้งๆ ที่เงื่อนไขของเวลาต่างกันมาก ผบ.ทร. คนใหม่เรียนจบตั้งแต่กี่สิบปีที่แล้ว ขณะที่ในหลวง ร.10 เคยทรงพำนักเพื่อดูแลพระราชโอรสในห้วงเวลาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
หลักฐานภาพถ่ายชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงและความสนิทสนมของบอสพอล แชมเบอร์ ที่มีต่อบอสชาญวิทย์ บอสลุงสุรชัยปวิน บอสเดวิด สเตร็คฟัสส์ เครือข่ายสามนิ้วต่างๆ เช่น นักวิชาการสามนิ้ว พรรคส้มสามนิ้ว ฯลฯ และล่าสุดที่ฝ่ายความมั่นคงมีประเด็นกับอาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง บางทีอาจเป็นหมากอีกตัวหนึ่งของบอสพอล แชมเบอร์ ก็เป็นได้ หรือเปรียบอีกแง่ ที่ผ่านมาเราแค่เผชิญกับหนวดของปลาหมึก ขณะที่ตัวของปลาหมึก คือ บอสพอล แชมเบอร์ ใช่หรือไม่?
พฤติกรรมของบอสพอล แชมเบอร์ ตลอดจนความเป็นไปได้สูงที่บอสพอล แชมเบอร์ จะเป็นชาวต่างชาติที่มีบทบาทสำคัญ อยู่เบื้องหลังชุดความคิดและการชี้นำขับเคลื่อนขบวนการสามนิ้ว สมควรที่จะปล่อยให้บอสพอล แชมเบอร์ ลอยนวลและยังปฏิบัติการอยู่ในประเทศไทยอีกหรือไม่? ฝ่ายความมั่นคงจะว่าอย่างไร? ที่เมื่อก่อนอาจมองว่าบอสเดวิด สเตร็คฟัสส์ มีบทบาทมากแล้ว บอสพอล แชมเบอร์ น่าจะมีบทบาทมากกว่าเป็นไหนๆ
(อ่านรายละเอียดhttps://www.facebook.com/suphanat.aphinyan)
อย่างไรก็ตามทีมข่าวTHE critics ได้ตรวจสอบถึงกรณีนายเดวิด สเตร็คฟัสส์ ก็พบว่าเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ได้เผยแพร่ข้อมูลระบุว่า แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ในแวดวงวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) เปิดเผยต่อ ผู้จัดการออนไลน์ ว่าขณะนี้ นายเดวิด สเตร็คฟัสส์ อดีตซีไอเอชาวอเมริกัน ที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในไทย ฝังตัวในภาคอีสาน โดยเลือก ม.ขอนแก่นเป็นฐานที่มั่นเพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่างยาวนานกว่า 30 ปี โดยตำแหน่งล่าสุดเป็นผู้อำนวยการศูนย์แลกเปลี่ยนการศึกษาระหว่างประเทศ( CIEE) ม.ขอนแก่น ได้ถูกทางการไทยยกเลิกวีซ่าแล้ว ด้วยเหตุผลเพื่อความมั่นคงของชาติและความมั่นคงของสถาบันเบื้องสูง
นายเดวิด สเตร็คฟัสส์ หรือเดฟ เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวต่อต้านการมีกฎหมายมาตรา 112 ของไทยมาอย่างต่อเนื่อง มักอ้างว่าเป็นนักวิชาการอิสระ และเป็นผู้ดูแลสำนักพิมพ์เดอะอีสานเรคคอร์ด นายเดวิดเป็นที่คุ้นเคยของนักวิชาการที่มีทัศนคติทางลบต่อสถาบันเบื้องสูงใน ม.ขอนแก่นหลายคน เป็นที่รู้จักดีของบรรดาเอ็นจีโอในพื้นที่ภาคอีสานและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน
(อ่านรายละเอียดhttps://mgronline.com/local/detail/9640000036171)
#เดวิดม.ขอนแก่น #พอลซุกม.นเรศวร #CIA #สหรัฐ #สามนิ้ว #บั่นทอนสถาบัน #ล้มล้างการปกครอง #ดร.นิว #อัษฎางค์