จากที่พรรคร่วมรัฐบาลมีท่าทีชัดเจนไม่เอานิรโทษกรรมคดี 112 ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตรถูกดำเนินคดีด้วย โดยที่ผ่านมาพรรคประชาชนพยายามผลักดัน ท่ามกลางข้อสงสัยว่าอาจร่วมกับพรรคเพื่อไทยแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
โดยท่าทีที่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทยถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยภายหลังการรับประทานอาหารมื้อค่ำร่วมกัน
ทั้งนี้น.ส.แพทองธาร ยอมรับว่า เรื่องผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เป็นเรื่องอ่อนไหว มีทั้งเห็นตรง และเห็นต่างกัน โดยขอให้แยกเรื่องของ สส.รัฐบาล และคณะรัฐมนตรี รวมถึงยืนยันว่า ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากมีการเสนอให้รัฐสภาพิจารณา จะเป็นการเสนอในนามพรรคร่วมรัฐบาล หรือแยกพรรคการเมืองโดยขอให้เป็นเรื่องที่สภาฯจะพิจารณา แต่ได้มีการพูดคุยกันว่า จะไม่มีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 รวมถึงไม่แตะต้องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ถัดมา 22 ตุลาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยต่อรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ว่า นายกรัฐมนตรีได้ตอบไปแล้ว ทุกพรรคเห็นเหมือนกัน คือไม่เอามาตรา 112 เพราะเป็นเงื่อนไขในการตั้งรัฐบาล
“ขณะนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลร่วมมือกันทุกอย่าง โดยจะเห็นเหมือน หรือเห็นต่าง นายกรัฐมนตรีก็ตอบแล้วว่า เริ่มต้นมาก็ได้คุยทั้งสิ่งที่เห็นเหมือน และเห็นต่าง ซึ่งเรื่องของพรรค พรรคก็ไปคุย” นายภูมิธรรม กล่าว
ล่าสุดวันเดียวกันนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุ “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยกเว้นหมวดหนึ่ง และหมวดสองเป็นแค่เป้าหลอก
การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยอ้างว่าไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ดูเหมือนจะดี เพราะไม่แตะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่หัวใจที่ประชาชน ต้องตามให้ทันนักการเมืองพวกนี้ คือการแก้กฎหมายประชามติ จากใช้หลักเสียงข้างมากสองชั้น มาเป็นเสียงข้างมากชั้นเดียวนั่นคือจุดอันตราย
เพราะหากมีการแก้ประชามติ เหลือเสียงข้างมากชั้นเดียว จะทำให้การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะทำได้ง่ายมากและทำได้ตลอด เพราะไม่ต้องใช้คนออกเสียงมากถึงครึ่งผู้มีสิทธิ์ มาแค่ไหนก็ได้ ขอให้เป็นเสียงข้างมาก ก็สามารถร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันที
ในอนาคตใครจะไปรู้ว่า ถ้าพรรคแดงจับมือพรรคส้ม ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แก้ทุกอย่างในรัฐธรรมนูญ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะขนาดที่เขาเคยบอกกับประชาชนว่า ปิดสวิตช์สามปอ สุดท้ายยังยอมตระบัดสัตย์ ดังนั้นหัวใจเบื้องต้นที่เขาต้องการคือแก้กฎหมายประชามติ
ต้องเตือนสติพรรคการเมืองทุกพรรค อย่าไปหลงกลว่า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่แต่ไม่แก้หมวด 1 และหมวด 2 จะไม่มีปัญหา เพราะจะนำไปสู่สิ้นชาติได้ ที่สำคัญพรรคการเมืองบางพรรค ไม่ใช่อ้างแต่ปกป้องหมวด 1 หมวด 2 เท่านั้น ท่านต้องร่วมปกป้องรัฐธรรมนูญปราบโกงด้วย”
นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นใมนห้วงเวลา2วันที่ผ่านมา ซึ่งชัดเจนว่า เพื่อไทยจำต้องยอมพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เอาด้วยกับการนิรโทษฯคดีม.112 หลังคนในพรรคอย่าง นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ประกาศเสียงดังมาตลอดว่าต้องนิรโทษกรรมพวกโดนคดีมาตรา112 อันมีชื่อพ่อของนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร ติดท้ายอยู่ด้วย แม้ไม่ได้พูดออกมาว่าเพื่อช่วยนายทักษิณ แต่เรื่องแบบนี้ ไม่บอกก็รู้กันดี พร้อมๆกับที่พรรคประชาชนก็พยายามผลักดันมาตลอด
ฉะนั้นเองที่ทีมข่าวTHE critics ชวนให้จับตาในทำนองเดียวกับหมอวรงค์ว่าให้พรรคร่วมรัฐบาลระวังจะเสียท่าเพื่อไทยกับพรรคส้ม เพราะต่างก็มีท่าทีที่พอจะเห็นว่าอยากจะแก้รัฐธรรมนูญจนตัวสั่น เผลอๆแอบจับมือกันรื้อใหม่ทั้งฉบับ ถึงเวลานั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว!!!แต่ ณ ตอนนี้ยังดีที่มีภูมิใจไทยประสานสว.สีน้ำเงิน เดินหน้าต้องทำประชามติ2ชั้น ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นก้างขวางคอที่พรรคแดง-พรรคส้มสู้ยาก
#ไม่แตะหมวด1-2 #พรรคร่วมรบ. #รทสช. #DNAลุงตู่ #พรรคแดง #พรรคส้ม #ภท. #เพื่อไทย #สว.สีน้ำเงิน #วรงค์ #นพ.เชิดชัย