จากที่ทนายประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อเอาผิดนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยล้มล้างการปกครองฯซึ่งจะนำพาไปสู่การยุบพรรคและต้องโทษทางกฏหมาย ขณะที่คดีของนายกก็เสี่ยงที่จะทำให้หลุดจากตำแหน่งในไม่ช้านับจากนี้!?!
สำหรับความเคลื่อนไหวต่างๆได้ปรากฏออกมามากมายต่อกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan – จตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาโพสต์ข้อความจากรายการไว้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีเนื้อหาที่สำคัญบางช่วงระบุว่า
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ สถานการณ์การเมืองเริ่มไม่แน่นอนขึ้น เพราะการตรวจสอบชั้น 14 ใกล้เสร็จและต้องไปถึงศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย คาดอย่างช้าอาจรู้ผลในพฤศจิกายนนี้ หรือเวลามากกว่านี้ไม่นาน ทั้งการยื่นร้องคุณสมบัตินายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งเป็นอาฟเตอร์ช็อก มาจากกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลสั่งให้หลุดจากนายกฯ
“สิ่งสำคัญกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์บนที่ธรณีสงฆ์ไม่สามารถซื้อขายกันได้ นายกฯอุ๊งอิ๊ง ย่อมหาทางสู้ได้ยาก แล้วยังต้องมาเสียท่าตายน้ำตื้นกรณีจัดงานเลี้ยงหาเสียงนายก อบจ. ปทุมธานี ซึ่งอุ๊งอิ๊ง ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไปร่วมงานด้วย คงจะต่อสู้ให้พ้นผิดได้ยากมาก
เรื่องกล่าวหาเหล่านี้กำลังเดินทางไปอย่างรวดเร็ว ถ้าไปถึงศาลรัฐธรรมนูญและรับฟ้องแล้ว ต้องลุ้นจะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ หรือไม่ ดังนั้นทั้งหมดนี้จะหนีความเป็นจริงไม่พ้น” นายจตุพร ระบุ
ล่าสุดวันนี้ 11 ตุลาคม 2567 เฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan – จตุพร พรหมพันธุ์ เผยแพร่ข้อความถึงสถานการณ์ความคืบหน้าการตรวจสอบชั้น14โรงพยาบาลตำรวจ โดยระบุข้อความบางส่วนว่า
10 ตุลาคม 2567 นายจตุพร เฟซบุ๊คไลฟ์ถึงเพื่อไทยแสดงอาการปรามาสกลบเกลื่อนดูแคลนคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยมีพฤติการณ์ล้มการปกครอง หากเชื่อมสถานการณ์ไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) สอบสวนกรณีชั้น 14 แล้ว แม้สาระสำนวนเน้นตัวผู้กระทำการแตกต่างกัน แต่ผลลัพธ์เป้าหมายกลับพุ่งชนไปที่ทักษิณและพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน ดังนั้นคำร้องจึงไม่ธรรมดา
“การสอบสวนกรณีชั้น 14 ของ ปปช.นั้นได้ออกหนังสือถึงโรงพยาบาลตำรวจ2ครั้งเพื่อขอเวชทะเบียนหรือบันทึกประวัติทางการแพทย์ของทักษิณ ผู้ป่วยและบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ยังไม่ได้รับ หากต้องออกหนังสือขอเวชทะเบียนเป็นครั้งที่สามแล้ว เมื่อยังไม่มีคำตอบอีกจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
กรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เป็นผลจากยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย และรัฐบาลได้ถวายความเห็นประกอบพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า นักโทษทักษิณ เคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับได้ทำความผิดจริง และสำนึกการกระทำแล้ว แต่กลับไม่ติดคุกสักวันเดียว ย่อมเป็นพฤติกรรมส่งผลกระทบต่อพระบรมราชโองการ”
ทั้งนี้นายจตุพร ยังระบุว่าสิ่งสำคัญการสอบสวนของ ปปช. ได้เน้นการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจและราชทัณฑ์ หากพบความผิดจริง จะถูกส่งฟ้องไปที่ศาลอาญาคดีทุจริต ส่วนนักการเมืองจะยื่นต่อศาลฎีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรืออีกอย่างอาจออกคำสั่งให้กรมราชทัณฑ์นำตัวทักษิณกลับไปขังคุกก็ได้ ดังนั้น สถานการณ์ยื่นคำร้องจึงมากด้วยวิบากกรรมให้นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยต้องหวาดผวาและต่อสู้ก้าวข้าม
“ส่วนทนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาล รธน.ให้วินิจฉัยทักษิณและพรรคเพื่อไทย มีพฤติการณ์เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองหรือไม่นั้น นายจตุพร เชื่อว่า ในเบื้องต้น ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้ไต่สวน
คำร้องของนายธีรยุทธ ยื่นกล่าวโทษ 6 ข้อหา โดยเนื้อหาสำคัญหลักอยู่ที่ข้อที่ 1 เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยให้รัฐบาลจัดที่พักชั้น 14 รพ.ตำรวจ ให้ทักษิณ เข้าพักระหว่างต้องโทษจำคุก จึงเป็นการบ่อนทำลายพระเกียรติยศสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนข้อที่ 2 ถึง 6 ให้วินิจฉัยพฤติการณ์แวดล้อมกรณีครอบครอง ครอบงำพรรคเพื่อไทยให้ทำตามความต้องการของทักษิณ”
นายจตุพร กล่าวอีกว่า คำร้องของนายธีรยุทธ เป็นคนละกรณีกับการตรวจสอบของ ปปช.ที่เน้นการกระทำผิดของกรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ที่มีผลถึงนายทักษิณ ส่วนคำร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นกรณีพฤติกรรมของนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ ทั้งสองเรื่องนี้ล้วนโยงเอกสารผลสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มาเป็นหลักฐานสำคัญเหมือนกัน ดังนั้นย่อมไม่ซ้ำซ้อนกัน
“เรื่องชั้น14 มาถึงศาลรัฐธรรมนูญก่อนคำร้องอื่นอีกมากมายที่ยื่นไปแล้ว และเชื่อว่า คำร้องสนามกอล์ฟอัลไพน์คงถูกยื่นถัดจากนี้ไปเพื่อให้วินิจฉัยพฤติการณ์นายกฯ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม เช่นเดียวกับการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ให้ยุคนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ”
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งที่จะเห็นคือ นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยจะมั่นใจแบบคดีนายเศรษฐาหรือไม่ โดยรอจนกระทั่งมีคำวินิจฉัย และถัดจากนี้ถ้าจะโดนคดีอาญาเข้าไปอีก นายเศรษฐา ย่อมทำหน้าที่ในบริษัทมหาชนซึ่งเกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ เพราะมีข้อห้ามเรื่องจริยธรรม
“คุณอุ๊งอิ๊งถึงที่สุดต้องตัดสินใจว่าจะเข้าลานประหาร หรือออกก่อนเข้าลานประหาร หมายถึงจะรอคำวินิจฉัยหรือไม่ โดยแต่ละเรื่องไม่ใช่จะรอดกันได้ง่าย ๆ เพราะสำนวนการเขียนของนายธีรยุทธ เน้นอยู่ที่ข้อแรก และกรณีชั้น14 ยังมีพยานแสดงถึงมีของในมือแล้ว รวมทั้งพยานในบ้านจันทร์ส่องหล้าด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของการครอบงำ ถ้ามีคลิปเสียงสามารถเปิดในชั้นศาลได้ ดังนั้น จึงเป็นลีลาที่ไม่ธรรมดา และไม่ใช่ดาบเดียว แต่มีหลายดาบที่รอประหารกันอยู่” นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
#ลับ ลวง พราง #ตระกูลชินวัตร #ชั้น14 #ศาลรธน. #ทักษิณ #ยุบพท. #ล้มล้างฯ #อิ๊งค์ #คดีอาญา #ผิดจริยธรรม #ธีรยุทธ #จตุพร