จากการออกมาประกาศเดินครั้งสุดท้ายของสนธิ ลิ้มทองกุล สร้างปรากฏการณ์ทางการเมืองไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองพ่อลูกที่ดูเหมือนว่าต้องรับแรงกระแทกครั้งนี้ และไม่แน่ว่าอาจนำไปสู่จุดจบรัฐบาลด้วยหรือไม่ในเวลาอันรวดเร็ว
ต้องเริ่มไล่รายละเอียดกันอีกครั้งจากเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ช่องยูทูบที่ใช้ชื่อว่า Sondhitalk ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โพสต์วิดีโอ ชื่อ 3 เงื่อนไขของสนธิ ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 3 เป็นส่วนหนึ่งของเวทีงาน ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 3 ซึ่ง นายสนธิ ประกาศว่า ในต้นปีหน้าจะทำกิจกรรม 3 เรื่อง ประกอบด้วย
1.การยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้โปรดกรุณาติดตามเรื่องราวที่ตนถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 ซึ่งยังหาคนร้ายไม่ได้ มีแต่หมายจับ ก็พอจะคาดเดากันว่าผู้อยู่เบื้องหลังเป็นใคร
2.จะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีว่าทำไมจึงมีชาวเมียนมาเต็มเมือง มาอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายจำนวนมาก และขอให้ยืนยันว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท สำหรับแรงงานไทยเท่านั้น ส่วนค่าแรงของแรงงานเมียนมาได้เท่าเดิม
“เต็มไปหมดเลยทุกจังหวัด สมุทรปราการ มหาชัย เป็นเมืองเมียนมาไปแล้ว มีแม้กระทั่งโรงเรียนเมียนมา ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการหรือเปล่า ถ้าได้ ทำไมโรงเรียนเมียนมานี้ถึงไม่ให้ร้องเพลงชาติไทย ทำไมต้องให้ร้องเพลงชาติเมียนมา ร้องไปยังรมว.ศึกษาของพรรคภูมิใจไทย” สนธิกล่าว
3.ภายในประมาณไตรมาสแรกของปีหน้า จะปล่อยให้รัฐบาลทำงานสักพัก หากรัฐบาลทำอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางหรือผิดจริยธรรม จะรวบรวมทั้งหมดเลย ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ควรจะอยู่ต่อไป
“เรื่องที่ 1-2 คือการซ้อมเดิน เรื่องที่ 3 คือการเดินจริง ผมบอกแล้วว่าปลายทางเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่จะทิ้งไว้ให้สังคมไทย แต่การจัดการเดินนั้นจะเป็นการเดินครั้งสุดท้ายในชีวิตของผม” นายสนธิ ระบุ
ถัดมาเพียงหนึ่งวัน นั่นคือวันที่ 1 ตุลาคมคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายสนธิ จะระดมมวลชนลงถนนอีกครั้งเพื่อขับไล่รัฐบาล ว่า ตนเพิ่งทำงานได้เดือนเดียวเองจะ อย่าเพิ่งไล่เลย
เมื่อถามว่าจาก 3 ข้อ ที่นายสนธิ ประกาศมานั้น ได้ประเมินหรือไม่ว่าต้องการอะไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับ นายสนธิ
เมื่อถามว่า พร้อมคุยใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พร้อมอยู่แล้ว วันนี้เป็นรัฐบาล เป็นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะฉะนั้นก็ต้องพูดคุยกับทุกภาคส่วนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าที่บอกว่าพร้อมพูดคุยนั้นจะเป็นลักษณะไหน จะเป็นการเดินสายไปคุย หรือ การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “แนะนำหน่อยจะทำอย่างไรดี ให้ประเทศชาติสงบสุข ช่วยกันไงดี ได้หมด พร้อม เพราะว่าไม่พร้อมมีเรื่องอยู่แล้ว และไม่คิดที่จะไปสู้อะไร ไม่ได้อยากจะมีเรื่องหรืออะไร”
เมื่อถามว่าการลงถนนขับไล่รัฐบาลมองว่าเป็นการเมืองแบบเก่า ในขณะที่การเมืองวันนี้ เป็นการเมืองที่สร้างสรรค์แล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้คิดเรื่องการลงถนนเลย คิดว่าถ้าจริงๆต้องขนาดถึงการลงถนนกันจริงมาคุยกันก่อนก็ได้ ว่าปัญหาคืออะไร และคิดว่าทุกอย่างน่าจะคุยกันได้ เพราะมันไม่จำเป็นต้องใช้ความเกลียดชัง หรือความรุนแรงเข้าหา คิดว่าทุกท่านคุยกันได้อยู่แล้ว
นั่นเองที่ทำให้ทีมข่าว THE critics ต้องชวนจับตาว่า หากต้นปีหน้า ถ้านายสนธิจะเดินทางไปยื่นหนังสือด้วยตัวเอง ทางน.ส.แพทองธาร พร้อมจะยืนรับหน้าด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งเวลานั้นละอ่อนทางการเมืองจะเผชิญหน้าผู้อาวุโสได้อย่างไร เพราะต้องไม่ลืมว่า พันธมิตรฯที่นำโดยนายสนธิ ออกมาไล่รัฐบาลจากนายกฯที่มาจากต้นสายเพื่อไทยมาแล้วถึง 3 รัฐบาล 3 นายกรัฐมนตรี
