จากที่สถานการณ์ทางการเมืองดูเหมือนว่ากำลังเข้าสู่ความร้อนแรงยิ่งขึ้น เมื่อพรรคเพื่อไทยเดินหน้ายื่นแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการคาดกันว่าอาจมีจุดจบแบบเดียวกันปี56 อีกทั้งผลสอบของแพทยสภาและปปช.ที่งวดเข้ามากับการเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ???
ทั้งนี้การปรากฏตัวของแกนนำคนเสื้อแดงให้รื้อฟื้นคดีการชุมนุมเมื่อปี2553 ท่ามกลางการจัดโผนายทหารประจำปี ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน ล่าสุดเฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan – จตุพร พรหมพันธุ์ ได้โพสต์คลิปวีดีโอพร้อมข้อความบางส่วนที่น่าสนใจในสถานการณ์ที่เข้มข้นว่า
เมื่อ 21 กันยายน 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชนและอดีตแกนนำคนเสื้อแดง เฟซบุ๊คไลฟ์ถึงพฤติกรรมเร่งรีบของพรรคเพื่อไทยแก้รัฐธรรมนูญ 2560 โดยซ่อนวาระให้เกิดประโยชน์ส่วนบุคคลมากกว่าประชาชนและบ้านเมือง ส่อย้อนรอยนำไปสู่การเงื่อนไขล้มรัฐบาลเมื่อปี 2557 ซึ่งมาจากเสนอแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งฉบับผ่านมาตรา 291 และการผลักดันออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมืองแล้วยังผนวกคดีทุจริต หรือ กฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย
“สถานการณ์ปัจจุบันปี 2567 พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ต้องการแก้ รธน. 2560 รายมาตรา เสนอเร่งให้แก้ไขในส่วนที่กำหนดถึงคุณสมบัติรัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์ให้เป็นที่ประจักษ์ รื้อทิ้งจริยธรรมไร้ขอบเขต แล้วยังมุ่งแก้ให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติใน 2 ใน 3 สั่งพ้นรัฐมนตรีได้ รวมทั้งเรื่องการยุบพรรคและการครอบงำพรรคการเมือง หวั่นว่าความอยากให้เร่งเสนอแก้ รธน. เท่ากับต้องการเดินย่ำรอยทางยึดอำนาจในปี 2557” นายจตุพร ระบุ
นายจตุพร กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยเสนอแก้รัฐธรรมนูญ สะท้อนความอยากลึกๆ กำลังคิดและต้องการอะไรอยู่จึงทำเหมือนเร่งเวลาให้ทันกับอะไรบางอย่าง แต่พฤติกรรมแบบกล้าๆ กลัวๆ ยิ่งจะเปิดทางให้ทหารออกมายึดอำนาจอีกครั้ง ซึ่งไม่แตกต่างจากเคยพยายามแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2555 มาแล้วจนลามลากไปสู่การยึดอำนาจปี 2557
“สถานการณ์ปัจจุบันรัฐบาลเปราะบางยิ่งกว่าประชาชนผู้เปราะบางเสียอีก เพราะทันทีที่คุณลงมือเรื่องนี้ (แก้ รธน.) มันจะเกิดกระแสตอบโต้ เปรียบราวกับพรรคเพื่อไทยจับพร้าด้านคม (บาดมือ) ส่วนประชาชนจับด้ามถือ และทหารก็จับถัดมา แล้วจบลงแบบเดิม (ถูกยึดอำนาจ) ที่เตือนเพื่อไม่ต้องการให้ตีไพ่ใส่รัฐประหาร ดังนั้น (การแก้ รธน.) เป็นการแสดงความอยากซึ่งส่ออาการผิดสังเกต
คนพวกนี้ (กลุ่มทุนเพื่อไทย) ไม่ได้คิดเรื่องชาติบ้านเมือง ถ้าเขาคิดถึงประเทศจริงคงไม่เอาบ่อนคาสิโนในนามเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์มาเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และไม่คิดถึงการขายแผ่นดิน 99 ปี ทั้งในโครงการเพิ่มขายคอนโดฯ เป็น 75% และเช่าที่ดิน 3 แสนไร่ในแลนด์บริดจ์ หากสร้างเฉพาะท่าเรือน้ำลึกและระบบขนส่งเชื่อมอ่าวไทยกับทะเลอันดามันไม่ว่ากัน ก็ทำไป แต่อย่าขายแผ่นดิน” นายจตุพร กล่าวย้ำ
ส่วนการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดแล้ว จะหาความจริงจากคนตระบัดสัตย์ไม่ได้ ยิ่งเป็นนักเคลื่อนไหวเคยไปขึ้นเวทีปราศรัยเลือกตั้งโดยใช้วีรชน คนตายมาหาเสียง แล้วกลับปล่อยให้มีการทรยศกัน
“แม้จะผลุบโผล่ออกมาบ้างนานครั้ง แต่ไม่ได้ทำหน้าที่ให้สมกับสิ่งที่เคยพูดหาเสียงแทบทุกเวทีว่า 100 วันแรกประชาชนจะสามารถฟ้องศาลฎีกาได้ทั้งกรณีบาดเจ็บ ล้มตาย กระทั่งก่อนทักษิณ ชินวัตร ออกจากจากชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพียงวันเดียว พรรคเพื่อไทยกลับถอนเรื่องนี้ออกมา โดยไม่มีเสียงค้านอะไรเลยจากนักเคลื่อนไหวคนที่เคยหาเสียงกับประชาชนไว้
วันนี้จะเล่นละครบทไหนอีก คือ คนตายไม่ควรถูกหลอกซ้ำ ถ้าไม่พอใจก็เสนอหน้าพูดออกมา เพราะเราอยู่ในโลกความเป็นจริงว่า คนตาย คนเป็น คนบาดเจ็บที่เหลืออยู่นั้น ไม่ควรถูกหลอกซ้ำซาก และคนที่ไปหลอกเขาก็ไม่ควรทำอย่างนั้น”
นอกจากนี้ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ยังกล่าวว่า แต่ละเรื่องที่กำลังจะเกิดนับแต่นี้ไปช่วงปลายกันยา และอาจถึงตุลาคมนี้ ล้วนสาหัสทั้งสิ้น โดยเฉพาะผลแพทยสภาตรวจสอบ 4 แพทย์จาก รพ.ตำรวจและราชทัณฑ์ จะยิ่งทำให้การตรวจสอบชั้น 14 ในการไต่สวนของ ปปช. สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และตั้งแต่ 5 ตุลาคมนี้จะเปิดเวทีพบปะประชาชน จึงขอชวนมาร่วมหารือแลกเปลี่ยนความเห็นและฟังอภิปรายสถานการณ์ทางการเมืองที่ สถานีโทรทัศน์พีซทีวี
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 กันยายน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย เปิดเผยความคืบหน้าการทวงคืนความยุติธรรม 99 ศพคนเสื้อแดง จะใช้ข้อมูลตรวจสอบความถูกต้องและหารือฝ่ายกฎหมาย รวมถึงญาติผู้เสียชีวิต ขับเคลื่อนการติดตามความยุติธรรม
#ตู่ #เต้น #ณัฐวุฒิ #จตุพร #เพื่อไทย #ทักษิณ #รพ.ตร. #ชั้น14 #รื้อคดีแดง #แก้รธน. #รัฐประหาร #กฎหมายนิรโทษกรรม