จากที่มีการจับตาถึงการเข้าไปนั่งคุมกระทรวงกลาโหมของสหายใหญ่ หรือ ภูมิธรรม ที่ถูกเรียกขาน ร่างทรงทักษิณ ซึ่งมีนัยยะสำคัญต่อกองทัพ เพราะที่นี่คือจุดหมายเดียวกันที่คัดง้างต่ออำนาจทางการเมืองได้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น???
ความเคลื่อนไหวที่ต้องติดตามต้องนับหนึ่งในวันที่ 16 กันยายนนี้ โดยพบว่ามีรายงานเมื่อ 13 กันยายน 2567 วันจันทร์ที่จะถึงนี้ กระทรวงกลาโหม ได้กำหนดจัดพิธีต้อนรับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง และปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ณ ศาลาว่าการกลาโหม
โดยจะกระทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง พิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในศาลาว่การกลาโหม 7 แห่ง ก่อนเข้าพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3เหล่าทัพ ณ ลานอเนกประสงค์ เวลา 10.30 น.
นอกจากนี้ยังมีรายงานระบุ นายภูมิธรรม ได้ลงนามตั้งเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั่นคือการตั้ง พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ กองบัญชาการกองทัพไทย เป็น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
สำหรับ พล.อ.ไตรศักดิ์ เป็นนายทหารเหล่าทหารม้า เคยดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก22 (มทบ.22) ก่อนขยับเป็นที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ส่วนที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คาดว่าเป็น พล.อ.วรวิทย์ ชินะนาวิน
ทั้งนี้ทีมข่าว THE TRUTH ตรวจสอบก็พบว่า มีคำสั่งกระทรวงกลาโหมในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2554 โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แต่งตั้ง พล.อ.วรวิทย์ เป็น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ไม่เพียงเท่านั้น THE TRUTH ยังพบความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ เพราะถัดมาเพียงหนึ่งปี เมื่อเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่อของ พลเอกวรวิทย์ ยังเหนียวแน่น โดยมีรายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2555 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งแต่ง พลเอกวรวิทย์ เป็น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามทำให้ทีมข่าว THE TRUTH เห็นว่าพลเอกวรวิทย์ เป็นนายทหารที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงตรวจสอบต่อไป จึงพบว่าเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกาย 2566 มีรายงานข่าว เปิดเผยว่า พล.อ.วรวิทย์ อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เปิดเผยว่า ในฐานะนักการเมืองรุ่นพี่ ขอให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แสดงผลงานให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
“ปัจจุบันนี้ผมเป็นคุณลุงเกษียณอายุออกจากชีวิตและตำแหน่งทางราชการและการเมืองแล้ว โดยใช้ชีวิตสมถะเรียบง่ายโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และใช้เวลาว่างมาให้คำปรึกษา ดร.ภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ กรรมการบริหารมูลนิธิเจษฎาเทคนิคมิวเซียม ประมาณเดือนละ 2 ครั้ง
โดยมีเพื่อนๆ ก๊วนตัวตึงเตรียมทหารรุ่น 10 มาช่วยทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ประกอบไปด้วย พล.อ.วุทธิ์ วิมุกตะลพ, พล.ร.อ.รพล คำคล้าย, พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์, พล.ท.บรรพต งามกัณหา และพล.ท.มนัส เปาริก ถ้ามีโอกาสอยากเชิญชวนเพื่อนๆ เตรียมทหารรุ่น10 รวมถึงนายกทักษิณ มาเที่ยวชมเจษฎาเทคนิคมิวเซียม โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงเดือนเกิดของนายกทักษิณ พอดี”
กระนั้นเมื่อเห็นภาพของนายทักษิณในกระทรวงกลาโหมแล้ว ก็สรุปไปได้ในเบื้องต้นได้ว่าไม่ได้มีเพียงนายภูมิธรรมคนเดียว นี่เองจึงต้องจับตาการทำงาน และความเคลื่อนไหวภายในกระทรวง และกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งตั้งโยกย้าย และการแก้กฏหมายป้องกันการรัฐประหาร ที่ต้องมีเสียงของกรรมการสภากลาโหมเพียงพอในการลงมติวาระต่างๆ
สำหรับกรรมการสภากลาโหม ทีมข่าว THE TRUTH พบว่า คณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหม ประกอบด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) , รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์) , ปลัดกระทรวงกลาโหม (พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์) , ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี) , ผู้บัญชาการทหารบก (ตามโผ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์) , ผู้บัญชาการทหารเรือ (ยังไม่สรุปว่าจะเป็นใคร) , ผู้บัญชาการทหารอากาศ (พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล)
นั่นเองที่จะเห็นว่า 7 เสือกลาโหมนั้น หากผบ.เหล่าทัพ ซึ่งเป็นฝ่ายกองทัพผนึกกำลังกันเหนียวแน่น ฝ่ายการเมืองอย่าง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม รมช.กลาโหม กระทั่ง ปลัดกระทรวง ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ถ้ายึดตามมติเสียงข้างมาก
#ตท.10 #ทักษิณ #กห. #ผบ.เหล่าทัพ #ยิ่งลักษณ์ #สหายใหญ่ #ภูมิธรรม #บิ๊กปู #ทรงวิทย์
