จากสถานการณ์ฝนตกหนักในเชียงราย ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ รวมทั้งถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ทำให้หลายคนย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหกปีที่แล้ว ซึ่งด้วยความช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆรวมทั้งพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่10
ทั้งนี้หลายคนยังคงจำกันได้กับเรื่องราว 17 คืน 18 วัน กับปฏิบัติการกู้ภัยครั้งประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจดจำ เพื่อช่วยเหลือชีวิตนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย รวม 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวงตั้งแต่ 23 มิถุนายน 2561
โดยตลอดห้วงดังกล่าวดังกล่าวมีหลายหน่วยงาน หลากองค์กรเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งที่ประชาชนชาวไทยยังคงจดจำไม่ลืมก็คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ด้วยพระบารมีในปฏิบัติการถ้ำหลวง
ขณะที่ตัวแทนจากภาครัฐบาล คนแรก ๆ ที่รุดลงพื้นที่ถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย ด้วยเครื่องแต่งกาย จิตอาสา พระราชทาน คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน
ก่อนที่วันรุ่งขึ้น คือ 29 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เดินทางถึงถ้ำหลวงด้วยเครื่องแต่งกายแบบเดียวกัน เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและครอบครัวทีมหมูป่า
“ครม.ได้รับพระราชทานชุดจิตอาสามาเมื่อ 26 มิ.ย. และยังอัญเชิญกระแสรับสั่งของในหลวง ร.10 มาแจ้งให้ครอบครัวรับทราบ ท่านฝากถึงพวกเราให้กำลังใจ ให้มีความหวัง แล้วทุกอย่างจะปรากฏออกมา ดังนั้นขอให้พวกเราทำใจให้นิ่ง”
นอกจากนี้ยังมีประชาชนในโครงการจิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ ใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างน้อย 400 คนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำงานจิตอาสา ตลอด 2 สัปดาห์ อาทิ เก็บขยะ แจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ปฏิบัติงาน
ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสาร่วมทำกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ หรือ บิ๊ก คลีนนิง เดย์ บริเวณถ้ำหลวง ระหว่างวันที่ 14-15 ก.ค. เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบของวนอุทยานให้กลับคืนสู่ธรรมชาติดังเดิม โดยมีจิตอาสากว่า 4,000 คน
27 มิถุนายน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ ผบ.ศอร. จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อปรุงอาหารสำหรับแจกจ่ายให้กับผู้ปฎิบัติหน้าที่ รวมถึงผู้ปกครองทีมหมูป่า สื่อมวลชน และประชาชนที่มาร่วมเกาะติดปฏิบัติ ถ้ำหลวง
เจ้าหน้าที่หน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม (ซีล) รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำและนักดำน้ำจากนานาชาติถูกระดมมาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อเข้าร่วมภารกิจ พร้อมนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.พะเยา ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (ผบ.ศอร.) เปิดเผยว่า ในหลวง ร.10 ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดหาอุปกรณ์ที่ไม่สามารถจัดซื้อตามระบบราชการได้ทันเวลา เพื่อให้สามารถนำมาใช้ในการกู้ภัยได้ทันเหตุการณ์
29 มิถุนายน พระราชทานเสื้อกันฝน 2,000 ตัว ยากันยุง 88 ลัง ไฟฉายพร้อมหมวก 1,500 ชุด กางเกงชั้นใน 1,500 ตัว ชุดหมีพร้อมรองเท้าบูท 300 ชุด ถุงเท้า 1,500 คู่
2 กรกฏาคม พระราชทานชุดดำน้ำ 30 ชุด ถุงดำ 2 กระสอบ ถุงซิปล็อค 2 กระสอบ กาต้มน้ำ 2 ตัว ปลั๊กไฟ 1 กล่อง เทปกาว 1 กล่อง ผ้าห่มให้ความอบอุ่น 1 โหล หลอดไฟแอลอีดีที่สามารถชาร์ตไฟได้ รวมทั้งพระราชทานขวดอากาศ 200 ขวดด้วย
นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อนที่กลายเป็นเรื่องราวรับรู้กันทั่วทุกมุมโลก ซึ่งต้องย้ำว่านอกเหนือจากการระดมกำลังจากหน่วยงาน องค์กรต่างๆแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องจดจำไปชั่วชีวิตก็คือพระบารมีการช่วยเหลือของสถาบันไทย ที่ได้อยู่เคียงข้างประชาชนมาทุกรัชสมัย
ซึ่งกับเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคเหนือก็ทรงมีพระเมตตาช่วยเหลือ อย่างเช่น เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์น้ำจังหวัดแพร่ โรงครัวพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 35 ประกอบอาหารกล่องแต่เช้าเพื่อนำไปส่งให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม ไม่สามารถเดินทางออกมารับอาหารด้วยตัวเอง และได้โทรมาประสานขอความช่วยเหลือที่ศูนย์ แต่มีบางส่วนที่ออกมาได้ ด้วยตัวเองได้นำสิ่งของกลับไปฝากคนในชุมชนด้วยเช่นกัน
หรือ 29 สิงหาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 1,000 ถุง ไปมอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนราษฎร เพื่อเชิญไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และเป็นขวัญกำลังใจ
#ถ้ำหลวง #น้ำท่วมเชียงราย #พระบารมี #บิ๊กตู่ #อนุพงษ์ #หน่วยซีล #ขุนน้ำนางนอน #13หมูป่า #ในหลวงร.10