จากที่มีรายงานถึงผลสอบของแพทยสภาที่จะเอาผิดแพทย์รักษานายทักษิณ รวมทั้งองค์กรอิสระอย่างปปช.ถึงผลสืบเนื่องชั้น14 ซึ่งน่าจะออกมาในอีกไม่นาน อาจทำให้นายทักษิณต้องกลับไปติดคุก หรือถ้าคิดจะหนีอีกก็คงเป็นไปได้ยากด้วย???
ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ช่วงหนึ่งว่า การยื่นคำร้องให้ตรวจสอบจริยธรรมนายกฯ พ่อนายกฯ และครม.สืบสันดาน เป็นยุทธวิธีการศึกแบบตะลุมบอน เพื่อให้ฝ่ายรัฐบาลเกิดภาวะกระวนกระวายรอบทิศ แล้วที่สุดพุ่งเป้าเผด็จศึกด้วยคำร้องเรียนเรื่องเดียวเท่านั้น
“จากนี้ไป ทักษิณ ชินวัตร จะเดินไปสู่ผาตรอมใจ เพราะในความมั่นใจของเขานั้นมีความขาดกลัวไม่รู้อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้อารมณ์การเมืองวูบวาบไม่สม่ำเสมอ บางวันออกอาการกล้าเกินเหตุ แต่บางวันเก็บตัวเงียบไม่กล้าเปิดตัวต่อสังคม ถึงขั้นไปร่วมงานการเมืองต้องหลบซ้อนแอบเข้าประตูหลัง ดังนั้น อารมณ์การเมืองแบบนี้แสดงถึงอาการรนกระวนกระวาย สะท้อนไม่มีความมั่นใจใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีพฤติกรรมส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ทนใครเหมือนกัน จึงกล้าพูดไม่พร้อมข่มเหงใคร นั่นหมายความมุมกลับทางการเมืองว่า ถ้าพร้อมก็ข่มเหงใครก็ได้ และความพร้อมคงจะเกิดขึ้นจากการถูกร้องให้ตรวจสอบจริยธรรมของมนุษย์ที่เข้าข่ายไม่เหมาะสมกับงานการเมือง”
อย่างไรก็ตามนายจตุพร ยังกล่าวถึงคำร้องที่นักร้องหลายคนทั้งนิรนามและเปิดเผยตัวเอง เมื่อพิจารณาแล้ว ล้วนพุ่งเป้าลวง วางกับดักให้รัฐบาลเพื่อไทยกระวนกระวาย แต่เป้าหลักยังเป็นตัวทักษิณ เช่นเดิม โดยเริ่มตั้งแต่พฤติกรรมเอื้อประโยชน์การนอนป่วยชั้น 14 รพ.ตำรวจ ไม่ติดคุกสักวัน เรื่อยมาจนถึงเรียกพรรคร่วมรัฐบาลไปประชุมการตั้งนายกฯ แทนนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง
“ทักษิณ แสดงอาการร้อนรนครอบงำพรรคการเมืองชัดเจน ทั้งการตั้งรัฐบาล การดึง สส.พรรคอื่นมาร่วม และทำลายพรรคการเมือง ดังนั้น จึงเป็นเป้าหลักที่ฝ่ายนักร้องการเมืองต้องจัดการกรณีป่วยนอนชั้น 14 รพ.ตำรวจ ครั้งนี้จะหนียาก และยังยากลำบากที่จะอยู่ในไทยด้วย เพราะอาจต้องกลับเข้าคุก”
นอกจากนี้นายจตุพร กล่าวอีกว่า ประเทศไทยที่ไปไหนไม่ได้ เพราะคิดแบบอะไรก็ได้ ซึ่งเป็นการทำลายหลักการของประเทศ จน (การพัฒนา) ต้องมายืนอยู่หลังเพื่อน แล้วยังกล้าพูดไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สิ่งสำคัญคือ การให้โอกาสคนชั่วแม้วินาทีเดียว ก็เกิดความเสียหาย ดังนั้น ประชาชนต้องเปลี่ยนหลักคิด อะไรที่ผิดกฎหมาย จริยธรรมการปฏิบัติ หรือตระบัดสัตย์ต้องไม่ให้โอกาสเด็ดขาด
“ประเทศศิวิไลช์ทั้งหลาย ที่ประเทศมีความแข็งแรงเพราะประชาชนแข็งแรงต่างหาก นักการเมืองจึงไม่กล้าทุจริตทำชั่ว ไม่กล้าหลอกลวง ตระบัดสัตย์ ส่วนประเทศไทยประชาชนปล่อยปละละเลย ทำลายพรรคการเมืองและความไว้วางใจ แต่ประชาชนยังนิ่งเฉยกัน แล้วกล้าบอกให้โอกาสเขาก่อน” นายจตุพร กล่าว
#ทักษิณ #ติดคุก #พรรคเพื่อไทย #ชั้น14รพ.ตร. #อุ๊งอิ๊ง #จตุพร #เศรษฐา #ศาลรัฐธรรมนูญ