จากที่ศาลอาญาไม่อนุญาตให้นักโทษชายทักษิณเดินทางไปนอกประเทศ ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตุต่างๆมากมายถึงสาเหตุที่จะไปต่างประเทศ ซึ่งที่น่าจับตาก็คือเป็นการหนีไปตั้งหลักหรือไม่ ด้วยเพราะสถานการณ์ทางการเมืองกำลังเปลี่ยนแปลง???
ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเมื่อกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ออกมาเผยแพร่ข้อสรุปส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ต้องหาคดรมาตรา112
ล่าสุดวันนี้ (3 ส.ค.67) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์กรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รายงานผลสอบสวนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ โรงพยาบาลตำรวจ ได้เอื้อประโยชน์ให้ทักษิณ พักรักษาตัวห้องพิเศษ ซึ่งให้สิทธินักโทษเหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่นๆ
“ถ้า ปปช.ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นการกระทำผิดจริงต้องส่งเรื่องให้อัยการเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตกับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ รพ.ตำรวจ โดยพ่วงทักษิณ เข้าเป็นจำเลยด้วย”
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ขอให้จับตาดูผลการสอบสวนของแพทยสภาที่ยื่นสอบสวนแพทย์ 4 คนจาก โรงพยาบาลราชทัณฑ์และ โรงพยาบาลตำรวจ ที่วินิจฉัยอาการป่วยของทักษิณอยู่ในภาวะวิกฤตรุนแรง หากทำหน้าที่ขัดต่อหลักจริยธรรมทางการแพทย์อย่างร้ายแรงแล้ว ย่อมเป็นเหตุผลประกอบให้รู้ว่า ทักษิณป่วยจริงหรือไม่
“รวมทั้งกล่าวว่า ทักษิณถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยยอมรับในกระบวนการยุติธรรมและได้กระทำความผิดจริง พร้อมสำนึกการกระทำในคดีทุจริตแล้ว จึงแสดงถึงคำสารภาพด้วยตัวเอง ดังนั้น พวกนางแบก นายแบกต้องเข้าใจในสิ่งนี้ เพราะไม่มีใครใส่ร้าย กล่าวหา แต่ทักษิณสารภาพเองทั้งสิ้น”
นอกจากนี้นายทักษิณ ยังขออนุญาตศาลอาญาออกนอกประเทศอ้างไปรักษาตัวที่ดูไบ แต่ถูกปฏิเสธคำร้อง ซึ่งนายจตุพร มองว่าการขอเดินทางออกนอกประเทศมองอีกมุมได้ว่า ทักษิณไม่มั่นใจสถานการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น จึงอาจหลบไปตั้งหลักรอดูการเมืองในเดือนสิงหาคมที่ส่อเค้าร้อนแรงขึ้นโดยมีปัจจัยจาก ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 7 สิงหาคม และถัดจากนั้น 14 สิงหาคม นัดตัดสินชี้ชะตาตำแหน่งนายกฯ ของนายเศรษฐา เป็นส่วนประกอบอุณหภูมิร้อนเดือดช่วงหน้าฝน
ส่วนประชาชนเรียกร้องให้ลงถนนชุมนุมประท้วงรัฐบาลนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ควรรอให้สถานการณ์เป็นตัวนำพา ไม่ใช่ใช้อารมณ์นำทางไปถนน โดยต้องรอให้พี่น้องทุกฝ่ายสลัดความรู้สึกส่วนตัวออกไป แล้วยึดมั่นความรักชาติบ้านเมืองมาเป็นตัวตั้ง และมองเห็นความเสียหายกับประเทศ พร้อมยึดถือเป็นหน้าที่
“เราไม่มีเป้าประสงค์อย่างอื่นเลย เราไม่มีเรื่องส่วนตัวใดๆ กับนายเศรษฐา ทวีสินและทักษิณ ชินวัตร หรือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่การกระทำทั้ง 4 โครงการ โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ตถ้าจะแจกแล้ว ต้องแจกเป็นเงินสดสถานเดียว จึงขอให้ประชาชนเรียกร้องเอาเงินสดเท่านั้น เพราะคนลำบากหนักหน่วง เดือดร้อนกันถ้วนหน้า จะได้ใช้จ่ายสะดวกขึ้น ไม่ถูกบังคับให้เข้าร้านขายปลีกของเจ้าสัวอย่างเดียว เพราะนั่นเป็นการแอบซ่อนประโยชน์ให้กัน
การลงถนนนั้นประชาชนพร้อมหรือไม่กับการยับยั้งโครงการขายแผ่นดินขายชาติเหล่านี้ ที่มีจุดเริ่มต้นจากการแจกดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อนำเงินประเทศมาแจกและจะต้องร่วมรับผิดชอบในความเสียหายแล้ว เราต้องเรียกร้องให้แจกเป็นเงินสดเท่านั้น” นายจตุพร ย้ำ
#แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ #รพ.ตร. #แพทยสภา #ทักษิณ #ดูไบ #ศาลอาญา #คดี112 #จตุพร