จากเรื่องเพลงลุกลามกลายเป็นเรื่องต้องขับไล่กันให้พ้นพรรค ซึ่งเรื่องนี้ไม่เพียงสะท้อนความขัดแย้งภายในพลังประชารัฐ แต่หากเป็นการวัดพลังกันระหว่างธรรมนัสกับบบิ๊กป้อมด้วยหรือไม่ ท่ามกลางการปรากฏตัวของผู้กองร่วมเฟรมกับทักษิณบ่อยครั้ง
30 กรกฏาคม 2567 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ขู่ขับ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐธรรมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้ออกจากพรรคพลังประชารัฐ
ฝ่ายนายสามารถ ตอบโต้กลับทันควัน ไม่ต้องมาขู่ไล่ พร้อมระบุว่า ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โทรมาบอกคำเดี่ยว พร้อมลาออกทันที ก่อนที่ระบุในวันเดียวกันว่า “ลุงป้อมโทรมาให้กำลังใจ และ อดทน”
31 กรกฏาคม 2567 นายสามารถ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอีกครั้งระบุว่า “ลุงป้อมโทรมาเช้านี้ พร้อมบอกว่าไม่มีใครปลดมึงได้ ไม่ต้องห่วง เป็นกำลังใจให้ลุงด้วยนะFC ส่วนเย็นนี้ผมจะพา ส.ส.เข้าพบลุงป้อม คุยการเมืองต่อ”
ซึ่งร่องรอยความแตกร้าวนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นจากการที่นายสามารถ ตำหนินายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล แต่ยังกินใจไปถึงการชักชวนนายวัน อยู่บำรุง อดีตสส.กทม.พรรคเพื่อไทย เข้าเป็นสมาชิกพรรค โดยหมายรวมไปถึงพ่อ นั่นคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.พรรคเพื่อไทยด้วย นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่าในวันที่สารวัตรเหลิมเข้าพบบิ๊กป้อมก็มีการพูดถึงผู้กองธรรมนัส
ไม่นับการเผยแพร่เพลงที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมา 2 เพลง ซึ่งถูกมองว่าต้องการเกาะกระแสพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้มี สส.กลุ่มผู้กองธรรมนัสไม่พอใจ
เชื่อว่าตอนคงเป็นที่รับรู้กันแล้วว่าพลเอกประวิตร คงจะหนุนหลังนายสามารถ เพื่อปูทางไปสู่เก้าอี้นายกตัวที่ 31 โดยนายสามารถ นี่เองที่เป็นคนประสานกวาดต้อนส.ส.เข้าบ้านป่ารอยต่อให้มากที่สุด เพราะว่าลำพัง40เสียงของพลังประชารัฐ ไม่ได้อยู่ในกำมือบิ๊กป้อมทั้งหมด ซึ่งว่ากันว่าเป็นกลุ่มที่อยู่ในสายผู้กองด้วย 10 เสียง
ส่วนฝั่งร.อ.ธรรมนัส นอกจากออกมาพูดเองแล้ว ยังมีคนสนิทอย่างนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพปชร. ออกมาเปิดหน้าฟาดใส่นายสามารถด้วย โดยในวันเดียวกันนี้ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพถ่ายสส.พรรคกว่า 30 คน พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ที่รัฐสภา พร้อมระบุข้อความว่า
“พวกเราพี่ น้องพรรคพลังประชารัฐ อยู่รวมกัน เป็นหนึ่งเดียว ยืนยันไปในทิศทางเดียวกัน ปลดแน่นอนคนที่สร้างความวุ่นวายครับ เซ็นกันทั้งพรรคทุกคนครับ” ปล.รูปเพิ่งถ่าย12.30 31/7/67”
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน กรรมการบริหารพรรคและสส.ได้ร่วมลงชื่อเสนอพล.อ.ประวิตร ขับนายสามารถพ้นจากสมาชิกพรรค หากไม่หยุดเคลื่อนไหวสร้างความเสียหายให้กับพรรค ขณะที่วันที่ 1 สิงหาคม นายสันติ จะเรียกนายสามารถเข้าพบด้วย
ด้านนายสามารถ ก็โชว์บันทึกการโทรถึงพลเอกประวิตร ให้สื่อมวลชนดูภายหลังการแถลงข่าว พร้อมยืนยันว่าเป็นของจริง ซึ่งพลเอกประวิตร เพิ่งโทรหาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 ก.ค. เป็นจำนวน 3 สาย และเวลา 11.00 น.อีกประมาณ 4 สาย ซึ่งนายสามารถ ไม่ได้รับ เนื่องจากติดสัมภาษณ์สื่อมวลชนอยู่
นอกจากนี้ นายสามารถ ยังโชว์ภาพวิดีโอคอลที่คุยกับพลเอกประวิตร พร้อมชี้ให้ดูสายตาพลเอกประวิตร ภายหลังได้ฟังเพลงที่ตนเองแต่ง ซึ่งตนเองได้ถามว่านายฟังหรือยัง พลเอกประวิตร บอกว่าฟังแล้ว เพราะดี และให้ปล่อยเพลงเลย
“มันเป็นเรื่องแต่งเพลง แต่กลายปัญหาในพรรค หาว่าตามกระแสลุงตู่ พาลเรื่องอื่นแล้วมาลงเรื่องนี้ แต่งเพลงก็เป็นเงินของตนเอง ไม่ใช่เงินพรรคจะมาเดือดร้อนอะไร” นายสามารถ ระบุ
นั่นคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในพลังประชารัฐที่สะเทือนไปถึงรัฐบาล โดยหลังจากนี้ก็น่าสนใจว่า พลเอกประวิตร จะขับนายสามารถพ้นพรรคหรือไม่ หากไม่! นั่นก็อดคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยว่า แท้แล้วคนบ้านป่าคิดอย่างไรต่อผู้กอง เพราะต้องไม่ลืมว่า นายไผ่ และกลุ่มสส.ที่ออกมาเคลื่อนไหวขับนายสามารถล้วนแล้วคือสายธรรมนัสแทบทั้งสิ้น
ส่วนนายสันติแม้จะเรียกนายสามารถพูดคุยก็คงทำอะไรไม่ได้มาก ซึ่งคงไม่กล้าขัดกับพล.อ.ประวิตร ส่วนผู้กองธรรมนัส นาทีนี้ยังไม่รู้!! นั่นทำให้ต้องจับตากันต่อไปว่าจะกล้าแตก กล้าหักกับลุงหรือไม่
#ธรรมนัส #บิ๊กป้อม #เฉลิม #ทักษิณ #บ้านป่ารอยต่อ #พปชร. #สามารถ #ประวิตร