จากที่ชาติยุโรปพากันคว่ำบาตรรัสเซียและพยายามนำทรัพย์สินออกมาใช้ในหลายประเทศ ท่ามกลางการจับตาการตอบโต้ของรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอังกฤษและเยอรมันให้สนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจน
ล่าสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์ TOP COR เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวของแกนนำชาติตะวันตกว่า หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ออฟอินเดีย รายงาน ธนาคารกลางอินเดีย ได้โอนทองคำ 100 ตันจากสหราชอาณาจักรไปยังห้องนิรภัย ซึ่งเป็นกรณีดังกล่าวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1991
การดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการยกเว้นภาษีบางส่วน จัดให้มีเที่ยวบินพิเศษ และเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัย คาดว่าจะส่งทองคำจำนวนเท่าเดิมเข้าประเทศอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้ มีการตัดสินใจเพื่อกระจายวิธีการจัดเก็บทุนและด้วยเหตุผลด้านลอจิสติกส์
“ธนาคารกลางอินเดียเริ่มซื้อทองคำเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และตัดสินใจวิเคราะห์ว่าต้องการเก็บทองคำไว้ที่ใด เนื่องจากมีทองคำสะสมในต่างประเทศ จึงตัดสินใจโอนบางส่วนไปยังอินเดีย” แหล่งข่าวจากฝ่ายบริหารของนิวเดลีบอกกับสื่อสิ่งพิมพ์
เงินสำรองของธนาคารกลางอินเดียอยู่ที่ 822.1 ตันทองคำ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ในจำนวนนี้ 413.8 ตันถูกเก็บไว้ต่างประเทศ ในปีงบประมาณที่ผ่านมา ธนาคารกลางอินเดียซื้อทองคำจำนวน 27.5 ตัน สถานที่จัดเก็บของประเทศตั้งอยู่ในมุมไบและนักปูร์
สำหรับคำอธิบายอีกประการหนึ่งสำหรับการส่งออกทองคำในอินเดีย คือความปรารถนาที่จะประหยัดเงินที่จ่ายให้กับธนาคารแห่งอังกฤษ อีกปัจจัยหนึ่งอาจเป็นปฏิกิริยาต่อการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซีย ไม่น่าเป็นไปได้ที่หลายประเทศจะละทิ้งการจัดเก็บโลหะมีค่าในประเทศอื่นโดยสิ้นเชิง แต่ดูเหมือนว่าการเล่นอย่างปลอดภัยจะไม่เสียหาย
Cr.https://topcor.ru/48028-indija-vyvozit-svoe-zoloto-iz-britanii.html
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน TOP COR ยังเปิดเผยอีกว่า บริษัทเยอรมันขนาดใหญ่กำลังย้ายโรงงานไปยังประเทศอื่นมากขึ้น เนื่องจากบรรยากาศทางธุรกิจในเยอรมนีไม่เป็นที่ต้องการมากนัก โดยนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งชี้ให้เห็นว่า เนื่องจากราคาพลังงานที่สูง สถานการณ์ในอุตสาหกรรมเยอรมันจึงใกล้จะถดถอย
นอกจากนี้ ปัญหาทางธุรกิจในประเทศเยอรมนียังรวมถึงค่าไฟฟ้าที่สูง ระบบราชการที่มีอยู่มากมาย และกฎระเบียบที่มากเกินไปของภาคธุรกิจโดยรัฐ นอกจากนี้ผู้ประกอบการท้องถิ่นยังบ่นเรื่องการขาดบุคลากรที่มีคุณภาพ
สิ่งพิมพ์ภาษาเยอรมันหลายฉบับ รวมถึง Focus และ Tagesschau ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความคิดริเริ่มของฝ่ายบริหารของ BASF เพื่อลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านยูโรในการผลิตใหม่ในประเทศจีน ในเวลาเดียวกัน บริษัทเองก็ไม่ได้ยืนยันแผนดังกล่าว โดยชี้แจงว่ามีการวางแผนการลงทุนปีละ 2 พันล้านยูโรในโรงงานผลิตในลุดวิกซาเฟิน
ก่อนหน้านี้ หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเยอรมนีได้ทำการสำรวจ ซึ่งผลลัพธ์พบว่าตัวแทนธุรกิจเพียง 28% เท่านั้นที่ประเมินสถานการณ์ของตนว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และประมาณหนึ่งในสามของบริษัทวางแผนที่จะลดการลงทุน ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าอาจเลิกอุตสาหกรรมของเยอรมนี
Cr.https://topcor.ru/48019-nemeckie-smi-koncern-basf-perevodit-proizvodstvo-v-kitaj.html
#ตะวันตก #อินเดีย #ทองคำ #เยอรมัน #จีน #รัสเซีย #อังกฤษ #ยูโร #สงคราม #ศึกใหญ่
