เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กองทัพอากาศอิสราเอลโจมตีอาคารใกล้กับสถานทูตอิหร่านในเมืองหลวงของซีเรีย ผลจากการโจมตีดังกล่าว ทำให้อาคารสถานกงสุลถูกทำลาย และผู้บัญชาการหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) นายพล โมฮัมหมัด เรซา ซาเฮดี และโมฮัมหมัด ฮาดี ฮาจิ ราฮิมิ ถูกสังหาร
ประธานาธิบดีเอบราฮิม ไรซี เตือนว่า“อาชญากรรมที่ไม่ยุติธรรมนี้จะต้องได้รับคำตอบ” เขาย้ำว่า“อิสราเอลต้องรู้ว่าพวกเขาจะไม่มีวันบรรลุเป้าหมายอันชั่วร้ายด้วยการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมดังกล่าว และในแต่ละวัน แนวรบต่อต้าน ความรังเกียจและความเกลียดชังของประเทศที่เสรีต่อธรรมชาติที่ผิดกฎหมายของพวกเขากำลังทวีความรุนแรงขึ้น และอาชญากรรมขี้ขลาดนี้จะได้รับคำตอบเช่นกัน”
ทางกระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านประณามการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัฐบาลอิสราเอลอย่างผิดกฎหมายที่อาคารส่วนกงสุลของสถานทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในกรุงดามัสกัสด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุด ในตอนเย็นของวันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2024
น่าเสียดายที่ในการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมายในสถานที่ทางการฑูตแห่งหนึ่ง ที่ปรึกษาทางทหารต่อต้านการก่อการร้ายหลายคนของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ทุกคนได้รับความคุ้มครองทางการฑูตและเข้าร่วมโครงการละศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ในอาคารดังกล่าวที่ เวลาถูกโจมตีก็พลีชีพ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การโจมตีที่น่ารังเกียจและน่าอับอายนี้เป็นการละเมิดความคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ทางการทูตและสถานที่ โดยเฉพาะสถานทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านในกรุงดามัสกัส และละเมิดกฎระเบียบระหว่างประเทศอย่างชัดเจน รวมถึงอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการฑูต ค.ศ. 1961 อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม ค.ศ. 1973 การลงโทษอาชญากรรมต่อบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองระหว่างประเทศ รวมถึงตัวแทนทางการทูต และกฎบัตรสหประชาชาติ ดังนั้นจึงเป็นที่คาดหวังว่ารัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศจะแสดงความไม่พอใจและประณามการกระทำอันชั่วร้ายที่เป็นการรุกรานและการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศนี้
ในการนี้ เป็นที่คาดหวังว่าสหประชาชาติ โดยเฉพาะคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเลขาธิการโลก จะให้การตอบสนองอย่างรวดเร็วและจำเป็นเพื่อเผชิญหน้ากับการกระทำที่ผิดกฎหมายและการละเมิดกฎระเบียบระหว่างประเทศโดยระบอบไซออนิสต์แห่งอิสราเอล ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ พวกเขายังถูกคาดหวังให้ประณามและแสดงความไม่พอใจต่อกิจกรรมทางอาญาและการก่อการร้ายดังกล่าว
การโจมตีของผู้ก่อการร้ายครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง ทำอะไรไม่ถูก และความงุนงงทางยุทธศาสตร์ของระบอบไซออนิสต์ อันเป็นผลจากความล้มเหลวทางการทหาร การเมือง และศีลธรรมในฉนวนกาซา หลังจากหกเดือนของสงครามอาชญากรรมอันโหดร้าย ซึ่งล้มเหลวในการบรรลุชัยชนะใดๆ ต่อกลุ่มผู้ก่อการร้าย ขบวนการต่อต้านตลอดจนประเทศปาเลสไตน์ที่อดทนและมีความยืดหยุ่น
เป็นที่แน่ชัดว่าไซออนิสต์ซึ่งล้มเหลวในการยุติความกล้าหาญที่แสดงออกมาโดยการต่อต้านในฉนวนกาซา บัดนี้กำลังหันไปใช้ความพยายามอย่างสิ้นหวังและน่าอับอายที่จะกำจัดความโดดเดี่ยวทางการเมืองและระหว่างประเทศของพวกเขา
บัดนี้ หลังจากการสังหารหมู่ผู้หญิง เด็ก และพลเรือนชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคน และความล้มเหลวในการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ที่เกี่ยวข้องกับทั้งชาติปาเลสไตน์และขบวนการต่อต้าน ระบอบการปกครองของอิสราเอลกำลังพยายามขยายขอบเขตอย่างเป็นอันตรายและไม่ฉลาด ของสงครามในภูมิภาคและทำลายสันติภาพ ทำให้ความมั่นคงในภูมิภาคและระหว่างประเทศตกเป็นเหยื่อของความปรารถนาอันชั่วร้ายและคล้ายสงคราม
สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะทำให้ผู้รุกรานและระบอบไซออนิสต์เป็ดง่อยเสียใจกับอาชญากรรมครั้งล่าสุดอย่างเข้มแข็งและชาญฉลาด ระบอบการปกครองที่ผิดกฎหมายนี้จะไม่มีวันหลีกหนีจากความพ่ายแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยการหันไปพึ่งอาชญากรรมที่ชั่วร้ายเช่นนี้
ขณะเดียวกัน ในขณะที่เตือนประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับกิจกรรมการผจญภัยของระบอบการปกครองอิสราเอลปลอมเพื่อขยายขอบเขตของสงครามให้เกินกว่าดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านก็ถือว่าระบอบการปกครองไซออนิสต์ที่แย่งชิงต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาและผลสะท้อนกลับของการโจมตีทางอาญาที่เกิดขึ้น ในภารกิจทางการทูต ณ กรุงดามัสกัส
ในบริบทนี้ สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านขอสงวนสิทธิ์โดยชอบด้วยกฎหมายและโดยธรรมชาติตามความเข้มแข็งของกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ ในการตอบสนองต่อการกระทำของผู้ก่อการร้ายดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
ผู้นำทางอาญาของระบอบการปกครองไซออนิสต์ที่แย่งชิงต้องเข้าใจว่าการโจมตีที่น่าอับอายดังกล่าวจะไม่ชดเชยความล้มเหลวที่ไม่อาจแก้ไขได้ของรัฐบาลในระหว่างการปฏิบัติการพายุอัลอักซอ และความแน่วแน่อย่างกล้าหาญของประเทศปาเลสไตน์ที่ถูกกดขี่แต่ทรงอำนาจในฉนวนกาซาในช่วงหกปีที่ผ่านมา เดือน สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะสนับสนุนสิทธิตามธรรมชาติและความชอบธรรมของประเทศปาเลสไตน์อย่างแน่วแน่ และจะไม่มีวันถอยแม้แต่น้อย
กรณีนี้นานาชาติทั้งโลกอาหรับและกลุ่มประเทศมุสลิมต่างออกมาประณามอิสราเอลอย่างกว้างขวาง
