จากเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 นายเทพดรุณ สุรฤทธิ์ธำรง พ่อของนายเก็ท โสภณ เดินทางมายื่นหนังสือต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อขอตอบสนองข้อเรียกร้องของผู้ต้องขังทางการเมืองที่อยู่ในระหว่างพิจารณาคดี รวมถึงผู้ต้องขังที่ตัดสินแล้ว
ทั้งนี้ นายเทพดรุณ กล่าวช่วงหนึ่งว่า เนื่องด้วยมีผู้ต้องขังที่อยู่ในระหว่างตัดสินพิจารณาคดีในเรือนจำ โดยการตัดสินของศาลอาญา ซึ่งตามหลักสากลแล้ว ศาลต้องสันนิษฐานว่าผู้ถูกกล่าวหานั้น เป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน แต่ศาลได้ฝากขังให้กลายเป็นผู้ต้องขัง จึงเป็นที่กังขาว่า ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรมหรือไม
รวมถึงคดีที่ตัดสินพิจารณาแล้วด้วย ปัจจุบันมีผู้ต้องขังทางการเมืองได้ออกมาเรียกร้องขณะถูกคุมขังในเรือนจำ จำนวน 4 คน เช่น นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท ใน 2 ข้อเรียกร้อง คืนสิทธิการประตัวให้ประชาชน ยุติการใช้มาตรา 112 ต่อประชาชน รวมทั้ง นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ แฟรงค์
“คงมีใครคาดคิดไม่ถึง สมัยโมเดิร์นยุคนี้ มันมีตดีอาญา ม.116 กับการบีบแตร, บีบแตรคืออาชญากร ฝากขังตั้งแต่ชั้นสอบสวนมีการเลือกปฏิบัติ เพราะว่า มีการใช้มาตราที่รุนแรง แต่ว่าการฆ่าคนตาย ไม่ถูกฝากขัง หรือถูกประกันตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทำอะไรนิด อะไรหน่อยติดคุก”
ขณะที่ทวิตเตอร์ prachatai@prachatai ออกมาโพสต์ถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า บีบแตรรถ ทำไมโดนแจ้ง ม.116 ? ทพ.เทพดรุณ สุรฤทธิ์ธำรง (พ่อของ เก็ท โภณ ผู้ต้องขังคดีแสดงออกการเมือง) กล่าวถึงกรณีของ #ตะวัน แฟรงค์ ซึ่งถูกดำเนินคดีในข้อหา ม.116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการบีบแตรรถและโต้เถียงเจ้าหน้าที่ระหว่างมี #ขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 67
โดยการให้ความเห็นนี้เกิดขึ้นขณะ ทพ.เทพดรุณ กำลังไปยื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาให้ตอบสนองข้อเรียกร้องของผู้ต้องขังคดีการเมืองที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดีและที่คดีสิ้นสุดแล้ว เพื่อคืนสิทธิประกันตัวผู้ต้องขังคดีการเมือง
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบที่มาของคดีก็พบว่าเฟซบุ๊ก iLaw ได้เคยโพสต์ข้อความไว้เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2022 โดยระบุว่า “พ่อแม่มาหาความยุติธรรมให้กับลูก หวังว่าธรรมะต้องชนะอธรรม” พ่อเก็ทขึ้นเบิกความคัดค้าน ก่อนศาลฝากขังต่ออีก 7 วัน
27 พฤษภาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ศาลอาญารัชดานัดไต่สวนคัดค้านคำร้องขอฝากขัง เก็ท-โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ในฐานะผู้ร้องให้เหตุผลว่า เนื่องจากคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของกองบังคับการซึ่งไม่สามารถระบุเวลาได้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด จึงจำเป็นต้องควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้จนกว่าจะส่งสำนวนให้กับทางอัยการ
เวลา 10.56 น. ทพ.เทพดรุณ สุรฤทธิ์ธำรง พ่อของเก็ท แถลงต่อศาลว่า “ผู้ต้องหามีความจำเป็นต้องไปสอบใบประกอบวิชาชีพ” โดยอธิบายว่า ตนได้ไปพบอาจารย์ของเก็ท ที่ภาควิชารังสีเทคนิค คณะแพทย์ศาสตร์วชิระพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราทิราช พร้อมกับนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสอบรับรองมากับทนาย อาทิ กำหนดการตรวจร่างกายเพื่อรับใบรับรองจากแพทย์ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565
กำหนดการโครงการทบทวนความรู้เตรียมการสอบขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขารังสีเทคนิค ในวันที่ 3-5 มิถุนายน 2565 และกำหนดการส่งเอกสารสมัครเพื่อสอบขึ้นทะเบียนใบประกอบโรคศิลปะในวันที่ 1-30 มิถุนายน 2565 นำยื่นต่อศาลประกอบดุลยพินิจด้วย
ทั้งนี้ ก่อนเสร็จสิ้นการเบิกความ พ่อของเก็ทกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นต่อศาลว่า หากศาลอนุญาตให้ลูกออกไปสอบ จะเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่ต่อพลเมืองของประเทศไทย ในฐานะของว่าที่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ต้องหาไม่ควรสูญเสียโอกาส และในฐานะที่ตนเองเป็นบุคลากรทางการแพทย์เช่นเดียวกัน เห็นควรว่าผู้ต้องหาไม่สมควรถูกฝากขังไว้
เวลา 14.50 น. ทนายได้ยื่นประกันตัวด้วยวงเงิน 100,000 บาท โดยแต่งตั้งแม่ของเก็ทเป็นนายประกัน และแต่งตั้งพ่อของเก็ทเป็นผู้กำกับดูแล ต่อมาในเวลา 16.50 น. ศาลยกคำร้องขอประกันตัว และนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 31 พฤษภาคม 2565
ในด้านรายละเอียดคดี เก็ท-โสภณ สมาชิกกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เป็นผู้ต้องหามาตรา 112 จำนวนสามคดี ซึ่งถูกแจ้งข้อหาต่อเนื่องกันทั้งหมดภายในเดือนพฤษภาคม 2565 จากการปราศรัยใน 3 กิจกรรม