จากวันที่26 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักข่าวสปุ๊ตนิก และอัลมายาดีนรายงานว่าเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี บอริส พิสโตเรียส เปิดเผยส่งเฮสเซินพร้อมลูกเรือ 240 นายเพื่อเข้าร่วมในภารกิจของสหภาพยุโรปในทะเลแดง
โดย“เรือฟริเกตเฮสเซินได้มาถึงทะเลแดงแล้ว นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่แล้ว เรือฟริเกตลำนี้ยังมีทีมเฮลิคอปเตอร์ Sea Lynx จำนวน 2 ลำ พร้อมด้วยทีมแพทย์ นาวิกโยธิน และอนุศาสนาจารย์ 1 คน รายอื่นๆทั้งอิตาลี กรีซ และฝรั่งเศสแจ้งว่าจะส่งเรือรบมาอย่างน้อย 4 ลำในสอง-สามสัปดาห์ข้างหน้า
ขณะที่ TOP WAR รายงานว่า เรือรบ F221 Hessen ของกองทัพเรือเยอรมันเดินทางถึงทะเลแดงหลังจากผ่านคลองสุเอซเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2024 Bundeswehr
“ขณะนี้เรือจะเข้าร่วมภารกิจ Aspides ที่จัดโดยสหภาพยุโรปเพื่อปกป้องการขนส่งในทะเลแดงจากการโจมตีด้วยจรวดของกองกำลัง Houthi ในเยเมน
คำสั่งให้เยอรมนีเข้าร่วม ซึ่งได้รับอนุมัติจากกลุ่ม Bundestag ส่วนใหญ่ ได้กำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมโดยการห้ามปฏิบัติการทางตอนเหนือของกรุงมัสกัต เมืองหลวงของโอมาน ดังนั้นช่องแคบฮอร์มุซและอ่าวเปอร์เซียจึงถูกแยกออกจากปฏิบัติการของเยอรมัน”
เรือรบเฮสเซิน แล่นออกจากฐานทัพเรือเยอรมันที่วิลเฮล์มชาเฟินเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เรือรบลำดังกล่าวใช้เวลาอยู่ในท่าเรือแห่งหนึ่งของเกาะครีตเพื่อรอการอนุมัติภารกิจอย่างเป็นทางการจากรัฐสภาเยอรมัน โดย Hessen จะดำเนินการโดยเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ Aspides จนถึงสิ้นเดือนเมษายน
ล่าสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เว็บไซต์ TOP WAR ได้ออกมารายงานถึงสถานการณ์ความคืบหน้าในทะเลแดงของกลุ่มพันธมิตรอิสราเอลว่า รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี บอริส พิสโตเรียส แถลง เรือฟริเกตเฮสส์ของเยอรมันซึ่งเข้าสู่ทะเลแดงถูกโจมตีจากเยเมน โดยใช้โดรน2ลำ
ขณะนี้เรือฟริเกตเฮสส์ของกองทัพเรือเยอรมันกำลังปฏิบัติภารกิจที่อันตรายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และนี่เป็นครั้งแรกที่ทหารเรือชาวเยอรมันใช้อาวุธระหว่างภารกิจในตะวันออกกลาง ซึ่งรัฐมนตรีเยอรมนีไม่ได้บอกว่ามีการใช้อาวุธอะไรสกัดกั้นโดรนของกลุ่มกบฏเยเมน
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน TOP WAR ยังเปิดเผยอีกว่า บริษัท Rafael ของอิสราเอลได้เสร็จสิ้นการพัฒนาและกำลังเตรียมการผลิตขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำ Ice Breaker จำนวนมาก
“มันถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของขีปนาวุธต่อต้านเรือ Sea Breaker ซึ่งมีความสามารถในการยิงทั้งจากบนบกและจากเรือ Ice Breaker เป็นตัวคูณกำลังที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความท้าทายในสนามรบสมัยใหม่ด้วยโซลูชั่นที่แม่นยำ”
กล่าวกันว่า Ice Breaker มีความทนทานต่อมาตรการตอบโต้แบบอิเล็กทรอนิกส์และใช้งานได้เต็มรูปแบบในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงการนำทางด้วยดาวเทียมได้ โดยขีปนาวุธดังกล่าวให้การทำลายล้างอย่างแม่นยำด้วยการผ่าตัดจากระยะสูงสุด 300 กิโลเมตร
ขีปนาวุธครูซความเร็วเหนือเสียงนี้ติดตั้งระบบอินฟราเรดขั้นสูงที่สามารถโจมตีเป้าหมายทั้งในทะเลและภาคพื้นดินที่กำลังเคลื่อนที่ได้ Ice Breaker เข้ากันได้กับแพลตฟอร์มทางอากาศที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องบินรบ เครื่องบินเบา เฮลิคอปเตอร์ และใช้งานได้เต็มรูปแบบในทุกสภาพอากาศ ผู้ปฏิบัติงานสามารถปรับการบินของจรวดได้
“มันมีความยาว 4 เมตร และหนักประมาณ 400 กิโลกรัม โดยในจำนวนนี้เป็นหัวรบ 110 กิโลกรัม มาพร้อมกับปัญญาประดิษฐ์ซึ่งใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยที่ AI เลือกสถานการณ์การบินและอนุญาตให้ขีปนาวุธตรวจจับและจดจำเป้าหมายได้โดยอัตโนมัติ”