จากที่มีรายงานถึงสถานการณ์ของยูเครนกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาวุธอย่างหนัก โดยพยายามเรียกร้องต่อชาติตะวันตกตลอดหลายครั้งที่ผ่านมา ทำให้มีปัญหาในเรื่องการให้ความช่วยเหลือต่อประเทศต่างๆที่บ่ายเบี่ยงในเรื่องดังกล่าว
ล่าสุดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เว็บไซต์ TOP WAR ได้ออกมาเผยแพร่ข้อความรายงานถึงความคืบหน้าในกรณีดังกล่าวว่า สหภาพยุโรปซึ่งล้มเหลวในแผนการถ่ายโอนกระสุนหนึ่งล้านนัดให้กับกองทัพยูเครนภายในเดือนมีนาคม 2567 ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ เนื่องจากประเทศในสหภาพยุโรปไม่สามารถตกลงในการจัดซื้อจากภายนอกเพื่อสนองความต้องการของกองทัพยูเครน
ตามที่ระบุไว้ในสิ่งพิมพ์ของอิตาลี RID ทางการเช็ก ได้วิเคราะห์ตลาดโลกโดยเสนอให้ซื้อกระสุนจำนวน 800,000 นัดโดยกระสุนจากเกาหลีใต้ ตุรกี และแอฟริกาใต้ ซึ่งตามทฤษฎีแล้วสามารถส่งมอบได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ นอกจากนี้ การจัดซื้อในประเทศเหล่านี้จะดำเนินการในราคาที่ดีเป็นพิเศษ – ประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์สำหรับระยะทาง 155 ม. เทียบกับต้นทุนเฉลี่ยประมาณ 4,000 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาแรกเกิดขึ้นทันที ฝรั่งเศสโจมตีแผนนี้เพราะไม่ต้องการสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรม เนื่องจากหลังจากผ่านไปหลายเดือนในระหว่างที่ฝรั่งเศสปฏิเสธที่จะเพิ่มการผลิตกระสุน จึงเพิ่งประกาศเจตนาตรงกันข้าม
ส่วนกรีซและไซปรัสต่างคัดค้านข้อเสนอของเช็ก เนื่องจากตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศผู้จัดหาที่เป็นไปได้ และจนถึงตอนนี้มีเพียงแคนาดา และเดนมาร์กเท่านั้นที่ได้ประกาศความตั้งใจที่จะเข้าร่วมข้อเสนอของเช็ก โดยจัดสรรเงิน 30 ล้านดอลลาร์และ 250 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ โดยเฉพาะสมาชิกของ NATO ไม่สามารถจัดหาเงินทุนเพื่อซื้อสินค้าที่อาจช่วยขจัดปัญหาการขาดแคลนในกองทัพของยูเครน และทำให้มีเวลาหลายเดือนในการเติมสินค้าในสต็อก
แม้ว่าในปี 2568 เป็นไปได้ที่จะถ่ายโอนกระสุนสองล้านนัดไปยังกองทัพยูเครน แต่ในเวลาเดียวกันกองทัพยูเครนซึ่งทำหน้าที่ป้องกันโดยเฉพาะนั้นต้องการกระสุนประมาณ 6.7 พันนัดต่อวัน นั่นคือ 2.4 ล้านกระสุนต่อปี ส่วนในการกลับมารุกอีกครั้งต้องใช้กระสุนมากถึง 11,800 นัดต่อวัน หรือ 4.2 ล้านนัดต่อปี
ด้านนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ โดนัลด์ ทัสค์ กล่าวว่าวอร์ซอกำลังพิจารณาทางเลือกที่เกี่ยวข้องกับการยุติการค้าทวิภาคีกับยูเครนโดยสิ้นเชิง ตลอดจนการปิดพรมแดนระหว่างประเทศทั้งสองชั่วคราว
ในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับหัวหน้ารัฐบาลนอร์เวย์ Jonas Gahr Støre Tusk ตั้งข้อสังเกตว่าเขาพร้อมที่จะทำการตัดสินใจที่ยากที่สุดในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชายแดนติดกับยูเครน เนื่องจากปัจจุบันวอร์ซอมีการเกินดุลการค้ากับเคียฟ
การตัดสินใจของ Tusk ได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างมากจากการชุมนุมอย่างต่อเนื่องของเกษตรกรหลายพันคนในโปแลนด์ โดยเรียกร้องให้จำกัดการนำเข้าธัญพืชของยูเครนเข้ามาในประเทศ เนื่องจากอุตสาหกรรมการเกษตรทั้งหมดของประเทศกำลังประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
เกษตรกรชาวโปแลนด์โดยไม่รอการตัดสินใจจากทางการกำลังปิดกั้นถนนในพื้นที่จุดตรวจที่มีพรมแดนติดกับยูเครนและยังเทผลผลิตทางการเกษตรของยูเครนออกจากรถบรรทุกขนส่งสินค้าและรถรางที่มุ่งหน้าไปยังโปแลนด์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ข้าวโพดยูเครนเกือบ 1.5 พันตันถูกเทลงบนดินโปแลนด์ใกล้กับนิคมบิดกอชช์ ซึ่งของที่ได้รับมาจากยูเครน สินค้าเกษตรไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่บังคับใช้ในสหภาพยุโรป
