สถานเอกอัคราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย จัดงานเฉลิมฉลองวันชาติ และเนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี ปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน พร้อมย้ำทิศทางความสัมพันธ์ไทยอิหร่านแน่นแฟ้นดุจพี่น้อง
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 ที่โรงแรมแชงกรีลา กรุงเทพมหานคร สถานเอกอัคราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทยจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติและเนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี ปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน โดยมีนายซัยยิด เรซา โนบัดตี (Seyed Reza Nobakht) เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย ให้การต้อนรับแขกผู้มาร่วมงานอย่างอบอุ่น อีกทั้งยังมีผู้แทนจากรัฐบาลไทยเข้าร่วมงานไม่ว่าจะเป็นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนจากสถานทูตซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรของอิหร่านเข้าร่วมงานด้วย อาทิ เอกอัคราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยและเอกอัคราชทูตเกาหลีเหนือประจำประเทศไทย
โดยภายในงาน นายซัยยิด เรซา โนบัดตี ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ภาพรวมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอิหร่านว่าทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและแน่นแฟ้นมากว่า 400 ปี โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีความร่วมมือหลายด้านร่วมกันทั้ง ด้านแรงงาน อุตสาหกรรม เกษตรกรรม การค้า เศรษฐกิจ และ ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม และสืบเนื่องจากเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายอาลี บาเกรี คานี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านเดินทางเยือนประเทศไทย ก็ได้มีการหารือร่วมกับตัวแทนจากฝั่งไทยและเป็นที่คาดหวังว่าในอนาคตไทยและอิหร่านจะมีความร่วมมือในอีกหลากหลายมิติมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งของการกล่าวสุนทรพจน์ นายซัยยิด เรซา โนบัดตี ได้ประณามการโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซาว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวปาเลสไตน์ ซึ่งอิสราเอลคือผู้ละเมิดกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อีกทั้งกล่าวด้วยว่าการโจมตีของอิสราเอลโดยมีสหรัฐฯ เป็นผู้ให้การสนับสนุนรายใหญ่เข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ตัวแทนจากฝั่งไทยขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ว่าไทย และอิหร่าน มีความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง และเพราะความช่วยเหลือจากอิหร่าน ทำให้การเจรจาเพื่อให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันชาวไทยในฉนวนกาซาประสบความสำเร็จ ซึ่ง นายวันนอร์ ยังได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจไปยังทางการอิหร่านด้วย