จากที่มีรายงานถึงความขัดแย้งในการชิงตำแหน่งผบ.ตร.คนที่14 ระหว่างบิ๊กต่อกับบิ๊กโจ๊กก่อนที่บิ๊กต่อจะชิงเข้าป้ายไป แต่ความบาดหมางภายในก็ใช่ว่าจะยุติลง แม้หลังจากนั้นจะมีภาพคู่แสดงถึงการเคลียร์ใจกันไปแล้วก็ตาม!?!
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ที่สำนักตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้มีหนังสือคำสั่ง ด่วนที่สุด บันทึกข้อความส่วนราชการ สง.ผบ.ตร.
มีใจความระบุว่า เรื่อง งดเว้นการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สน., สภ. หรือ บก.ภ.จว. มาศึกษาดูงาน ฝึกงาน หรือมากำชับการปฏิบัติหน้าที่ ห้าม รอง ผบ.ตร. และ จตช.ผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า
ตามคำสั่ง ตร.ที่ 567/2566 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2566 และ คำสั่ง ตร ที่ 589 /2566 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ซึ่งได้กำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ รอง ผบ.ตร. จตช. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ รวมทั้งสั่งและปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร.ไว้แล้ว นั้น
เพื่อเป็นการให้ความสำคัญกับงานของสถานีตำรวจ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสถานีตำรวจได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ประชาชนอย่างใกล้ชิด จึงกำชับให้งดเว้นการเรียก เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สน. สภ. และ บก.ภ.จว.มาศึกษาดูงาน ศึกษางาน หรือมากำชับการปฏิบัติหน้าที่
โดยไม่มีความจำเป็น และหากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการดังกล่าวให้ขออนุญาตต่อ ผบ.ตร. ก่อนการสั่งการทุกครั้ง ทั้งนี้สามารถใช้อำนาจในการกำกับการบริหารราชการ ควบคุม กำกับดูแล ติดตาม การปฏิบัติราชการ และควบคุมการบังคับบัญชา เพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง นโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการที่กำหนดเพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวออกมาหลังจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้สั่งการประชุมขับเคลื่อน กวดขันการปฏิบัติตาม กฏหมายจราจร ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 16.00 น. ในส่วน ภ.จว.สกลนคร มีข้อบกพร่องการปฏิบัติผ่านระบบ TPCC จึงให้ รอง.ผบก.ที่รับผิดชอบงาน จร. พร้อมด้วย ผกก. สวญ. สว.และ รอง ผกก. สว. รอง สว.ที่รับผิดชอบงาน จร. เดินทางไปร่วมประชุมขับเคลื่อนงาน จร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. โดยพร้อมเพรียงกัน
ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเป็นการหักหน้ากันหรือไม่?? เรื่องนี้ก็คงต้องย้อนกลับไปถึงความบาดหมางที่เคยเกิดขึ้นในช่วงชิงเก้าอี้เบอร์หนึ่งของปทุมวัน
11 พฤศจิกายน 2566 เว็บไซต์ผู้จัดการรายงานหลังจากขึ้นเป็น ผบ.ตร. ที่พ ล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ให้สัมภาษณ์สื่อด้วยอาการหงุดหงิด พยายามเก็บอารมณ์อย่างถึงที่สุด จากกรณีรถสิบล้อบรรทุกดิน ตกหลุมสายไฟใจกลางกรุง ย่านพระโขนง แล้วรถดังกล่าว ดันมีสติ๊กเกอร์ เป็นดาวสีเขียว และตัวอักษร B แปะอยู่ที่หน้ากระจกรถ
โดยผู้จัดการระบุถึงสาเหตุแท้จริงที่ทำเอา บิ๊กต่อ หงุดหงิด ไม่ใช่เพราะความเคลื่อนไหวของนักการเมือง แต่เป็นเพราะตำรวจด้วยกัน นั่นก็คือเจ้าเก่า “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่โดดเข้ามามีบทบาทในคดีนี้อย่างฉับไว โดยบุกไป สน.พระโขนง ในฐานะที่ควบคุมดูแลงานด้านจราจร เรียกประชุมตำรวจ และขอดูสำนวนสอบสวน
แม้บิ๊กโจ๊กจะถูกเปลี่ยนงาน จากงานอาชญากรรม มาเป็นงานด้านความมั่นคง และดูแลงานจราจร ในยุคของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แต่การเกิดเหตุรถบรรทุกน้ำหนักเกินตกหลุม ที่มีสติ๊กเกอร์แปะหราเช่นนั้น เหมือนอะไรๆ มาเข้าทางปืนของบิ๊กโจ๊ก
เท่ากับบิ๊กโจ๊ก ได้ทำคดี ส่วยรถบรรทุก ภาคสอง ต่อจากคดี กำนันนก นครปฐมซึ่งตอนนั้น บิ๊กโจ๊ก ก็เล่นบทกร้าวในแนวทาง โปลิศจับตำรวจ
อาจจะเข้าตาใครต่อใคร แต่ไม่เข้าตาบิ๊กต่อ ซึ่งดูว่าเป็นการทำงานแบบออฟไซต์ และรุกไล่ตำรวจด้วยกันอย่างไร้หลักการอีกแล้วประเด็นสำคัญก็คือ บิ๊กโจ๊กไม่มีอำนาจสอบสวน ไม่ใช่หัวหน้าพนักงานสอบสวน แต่ยังไปเรียกตรวจสำนวนการสอบสวน
ก่อนหน้านี้ถ้ายังจำกันได้เกิดเหตุการณ์ฮือฮาช็อคไปทั้งประเทศเมื่อ ตำรวจพีซีทีชุด 4 ตำรวจไซเบอร์ และคอมมานโด บก.ปพ.บุกค้นบ้านเป้าหมาย 30 จุดทลายเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” โดย 1 ในบ้านเป้าหมายซอยวิภาวดีรังสิต 60 เป็นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.
บิ๊กโจ๊ก ออกมาแสดงความไม่พอใจ ระบุทั้งหมดเป็นการดิสเครดิต เป็นเรื่องการเมืองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกค้นบ้านก่อนนัดประชุมแต่งตั้ง ผบ.ตร. 2 วัน
30 กันยายน 2566 ก็มีประเด็นฮือฮาอีกครั้งกับภาพ “บิ๊กต่อ-รองโจ๊ก” โดยช่วงเช้าวันที่ 29 กันยายนในโลกโซเชียล ปรากฏภาพ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนเคียงคู่โอบเอวอยู่กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ว่าที่ ผบ.ตร.ในขณะนั้น ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วเพราะเป็นที่รู้กันว่านายตำรวจทั้งคู่ขบเหลี่ยมเฉือนคมกันอยู่
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 กันยายน ที่ห้องทำงานของ พล.ต.อ.ต่อศักด์ โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เพื่อพูดคุยรับประทานอาหารร่วมกันและแสดงความยินดีที่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร.
ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ตำรวจเข้าค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ไม่เกี่ยวกับตน และเรื่องนี้มีขบวนการอยู่เบื้องหลังให้เราทั้งคู่ชนกันในช่วงที่กำลังมีการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร. ได้ให้ทีมงานสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่ เอาเป็นว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ตนกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้มีอะไรค้างคาใจ เพราะตลอดระยะเวลาหลายเดือนได้เตือนไว้แล้วให้ระวังขบวนการเสี้ยม
นั่นคือเรื่องราวที่ผ่านมาไม่นานมานี้ กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 การออกมาเบรกบิ๊กโจ๊กของบิ๊กต่อ ก็ทำให้ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง ถึงความไม่ลงรอยกัน ซึ่งต้องไม่ลืมว่า บิ๊กโจ๊กยังมีโอกาสขึ้นผบ.ตร.ต่อจากบิ๊กต่อ ในขณะที่ว่ากันว่า ทางบิ๊กต่อเองก็ย่อมต้องวางทายาทคนรับไม้ต่อจากตน จะยอมให้คนอื่น โดยเฉพาะคนชื่อบิ๊กโจ๊กไปได้อย่างไร???