การปรากฏตัวทางทหารของวอชิงตันในอิรักและซีเรียกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยกลุ่มResistanceในพื้นที่ตั้งแต่เดือนตุลาคม
การโจมตีเหล่านี้เริ่มเกิดขึ้นไม่นานหลังจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ทวีความรุนแรงขึ้นครั้งล่าสุด โดยพันธมิตรResistance ประกาศสนับสนุนปาเลสไตน์และตั้งเป้าขับไล่กองทหารสหรัฐออกจากประเทศอย่างถึงที่สุด
เห็นได้ชัดว่าคำขู่ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ที่จะตอบโต้ ไม่ได้สร้างความประทับใจหรือความหวั่นกลัวให้กับกลุ่มResistance ที่จะหยุดโจมตีด้วยจรวดและโดรนต่อฐานทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ นอกจากไม่ลดยังเพิ่มความถี่ขึ้นอีกด้วย โดยโจมตีวันหนึ่งหลายครั้ง
ล่าสุดที่ซีเรีย Resistanceได้จัดหนักไปที่ฐานขุดน้ำมันของสหรัฐฯในพื้นที่
วันที่ ๒ ม.ค.๒๕๖๗ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและทาซซ์รายงานว่า ฐานทัพสหรัฐฯ ที่แหล่งน้ำมันโอมาร์ ในจังหวัดเดอีร์เอซ-ซูร์ ทางตะวันออกของซีเรียถูกโดรนโจมตี แหล่งข่าวท้องถิ่นบอกกับสปุตนิกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ตามรายงาน สิ่งอำนวยความสะดวกถูกโจมตีโดย UAV สามลำและได้ยินเสียง “ระเบิดอันทรงพลัง” ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
หลังจากความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ทวีความรุนแรงขึ้นในฉนวนกาซา การโจมตีด้วยจรวดและโดรนต่อฐานทัพสหรัฐฯ ในซีเรียและอิรักก็เกิดขึ้นบ่อยขึ้น กองกำลังResistanceเตือนว่าพวกเขาจะเพิ่มจำนวนปฏิบัติการติดอาวุธในซีเรียและอิรัก หากสหรัฐฯ ยังคงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลอย่างไม่ลืมหูลืมตา
พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดฮาซาคาห์ (Hasakah), เดอีร์เอซ-ซอร์ (Deir ez-Zor) และ แรคคา(Raqqa) ของซีเรียซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ปัจจุบันถูกควบคุมโดยกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียชาวเคิร์ดที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี ๒๐๑๕ กองบัญชาการสหรัฐฯ ได้จัดตั้งฐานทัพทหาร ๙ แห่งในบริเวณนี้
เมื่อปลายปี ๒๐๑๙ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในขณะนั้นได้อนุมัติแผนการที่จะทิ้งทหารสหรัฐฯ หลายร้อยนายไว้ในซีเรีย ภารกิจหลักประการหนึ่งของพวกเขาคือการควบคุมแหล่งน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออกของประเทศ ดามัสกัสมองว่าการมีอยู่ของทหารสหรัฐฯ ในดินแดนซีเรียเป็นการยึดครองที่ผิดกฎหมาย เรียกร้องให้ถอนทหารไปก็ไม่ยอมถอนจนทุกวันนี้
กอนหน้านี้ CBS รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่ารัฐวอชิงตันได้อนุมัติแผนการโจมตีต่อเนื่องหลายวันต่อเป้าหมายในอิรักและซีเรียเพื่อตอบโต้การโจมตีกองกำลังสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางเพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนที่ สังหารสมาชิกทหารสามคนในจอร์แดนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่าทำเนียบขาวพยายามตอบโต้การโจมตี ” ในลักษณะที่เป็นผลสืบเนื่องอย่างมาก ” แต่ไม่เต็มใจที่จะเพิ่มความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวในห้องแถลงข่าวของกระทรวงกลาโหม โดยกล่าวถึงการโจมตีด้วยโดรนต่อกองกำลังสหรัฐฯ
ในบริบทนี้ เขาสัญญาว่าจะตอบโต้แบบหลายระดับซึ่งจะดำเนินต่อไปหลายครั้งรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เรียกช่วงเวลานี้ว่าเป็น “ช่วงเวลาที่อันตรายในตะวันออกกลาง” “เราจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในวงกว้างต่อไป แต่เราจะดำเนินการที่จำเป็นเพื่อปกป้องตนเอง ”
ปัจจุบันสหรัฐฯมีเจ้าหน้าที่ทหารอเมริกัน ประมาณ ๒,๕๐๐ นายประจำการอยู่ในอิรัก และกองกำลังยึดครองของสหรัฐฯ ประมาณ ๙๐๐ นายในซีเรีย ฐานขุดน้ำมันโอมาร์ที่สหรัฐฯครอบครองอยู่ ซีเรียเจ้าของบ้านประณามว่าผิดกฎหมายมาตั้งแต่ต้น แต่จนวันนี้ก็ยังอยู่ดำเนินการขุดน้ำมันออกไปไม่หยุด
สถานการณ์ในตะวันออกกลางตอนนี้กำลังเดือดพล่าน สวนทางกับความพยายามบีบอิสราเอลให้หยุดยิงอย่างถาวร น่าสังเกตุว่ามีเสียงและท่าทีที่เปลี่ยนแปลงในสหรัฐฯและยุโรป ผู้นำออกมาประสานเสียงพูดว่าการผลักดันนโยบายสองรัฐ ให้ปาเลสไตน์เป็นรัฐเอกราชคือทางออกของการยุติสงคราม และสิ่งนี้ทำให้อิสราเอลไม่พอใจ เนทันยาฮูยังคงยืนยันว่าจะไม่ยอมจบศึกจนกว่าจะได้รับชัยชนะโดยสมบูรณ์ จากนี้ต้องจับตาแนวรบทางอากาศจ่อจะเปิดฉากดุเดือดขึ้น เพราะสหรัฐฯถนัดใช้บินรบถล่มก่อนที่จะสั่งบุกภาคพื้นดิน แต่ที่ซีเรียเจ้าอากาศอย่างรัสเซียควงกับรัฐบาลซีเรียคงไม่นิ่งเฉย งานนี้วัดแสนยานุภาพสหรัฐฯแพ้แถวนี้อีกนับว่าจบเห่!!