จากที่มีรายงานถึงฐานทัพสหรัฐถูกโจมตีหลายครั้ง สร้างความสูญเสียอย่างมากมายต่อกองทัพ กระทั่งมีการเรียกร้องให้ผู้นำอย่างไบเดนสั่งตอบโต้ รวมทั้งในพื้นที่ทะเลแดงที่ยังคงโดนกลุ่มฮูตีควบคุมเรือสินค้าสำคัญ
ล่าสุดวันที่ 30 มกราคม 2567 เว็บไซต์ TOP WAR ได้เปิดเผยถึงท่าทีของสหรัฐในการตอบโต้ตะวันออกกลางว่า รอยเตอร์รายงาน สหรัฐฯจะตอบโต้การโจมตีฐานทัพอเมริกันในพื้นที่อัล-ทันฟ์ ชายแดนจอร์แดน และซีเรีย ซึ่งโจ ไบเดน ได้ตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้
ในการสนทนากับผู้สื่อข่าว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าเขารู้ว่าจะใช้มาตรการตอบโต้อะไรต่อการโจมตีฐานทัพทหารอเมริกัน แต่จะไม่บอกว่าเขาคิดอย่างไร
สหรัฐฯไม่ได้พยายามที่จะยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง จากนี้เราสามารถสรุปได้ว่าสหรัฐฯปฏิเสธที่จะโจมตีอิหร่านอย่างแน่นอน แม้ว่าวุฒิสมาชิกบางคนจากกลุ่มที่เรียกว่า เหยี่ยวสงคราม จะเรียกร้องให้โจมตีสาธารณรัฐอิสลามก็ตาม
“ทำเนียบขาวไม่จำเป็นต้องมีสงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลาง” ผู้นำอเมริกัน กล่าว
ขณะเดียวกัน ฝ่ายบริหารของ Biden ก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมากจากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ทั้งสองฝ่ายเรียกร้องให้หยุดการโจมตีฐานทัพทหารอเมริกัน รวมถึงการโจมตีอิหร่านเองซึ่งสนับสนุนกลุ่มชีอะต์จำนวนมาก
นอกจากนี้ การแข่งขันการเลือกตั้งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และหากไบเดนต้องการเข้าร่วมและชนะ เขาก็จะต้องแสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมสำหรับ การดำเนินการขั้นเด็ดขาด และในทางกลับกัน ไม่ว่าไบเดนจะตัดสินใจอย่างไร เขาก็ยังคงถูกทำให้สุดโต่ง หากเขาเริ่มสงครามครั้งใหม่ พวกรีพับลิกันจะโจมตีเขา และหากคำตอบไม่ชัดเจน เดโมแครตก็จะวิพากษ์วิจารณ์เขา
อย่างไรก็ตามในส่วนสมรภูมิทะเลแดง TOP WAR ได้ระบุว่า โฆษกกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก เปิดเผย เรือของเดนมาร์กที่ติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ Iver Huitfeldt แล่นเข้าสู่คลองสุเอซ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มเรือที่ปกป้อง (ตามข้อมูลของ NATO) การขนส่งในทะเลแดง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเรือบรรทุกน้ำมันถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธฮูตีในอ่าวเอเดน
Iver Huitfeldt จะเข้าร่วม Operation Prosperity Sentinel ที่นำโดยสหรัฐฯ ทันทีที่รัฐสภาให้การอนุมัติขั้นสุดท้าย ขณะที่ฝรั่งเศสได้ส่งเรือรบลำที่สองไปยังภูมิภาคทะเลแดงแล้ว
เรือฟริเกตลำนี้จะเสริมกำลังกองเรือข้ามชาติที่ชาติตะวันตกกล่าวว่ากำลังปกป้องการขนส่งเชิงพาณิชย์จากกลุ่มกบฏเยเมน ซึ่งโจมตีการขนส่งในทะเลแดงและอ่าวเอเดนด้วยขีปนาวุธและโดรน การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของเดนมาร์กและฝรั่งเศสอธิบายได้จากข้อเท็จจริงที่ว่า Maersk ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งตู้คอนเทนเนอร์รายใหญ่อันดับสองของโลกมีสำนักงานใหญ่ในเดนมาร์ก และผู้ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์รายใหญ่อันดับสามคือ CMA CGM ตั้งอยู่ในประเทศฝรั่งเศส
“ในฐานะประเทศมหาอำนาจทางทะเลที่สำคัญ เดนมาร์กมีความสนใจอย่างชัดเจนในเรื่องความมั่นคงทางทะเล ฮูตีโจมตีการขนส่งระหว่างประเทศ ดังนั้นความปลอดภัยของน่านน้ำสากลจึงเป็นปัญหาอย่างยิ่งและเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อระเบียบโลกระหว่างประเทศ” รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์ก โทรลส์ ลุนด์ โพลเซ่น กล่าว
ด้านกลุ่มฮูตีให้คำมั่นว่า จะโจมตีเรือทุกลำในทะเลแดงที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลเพื่อตอบสนองต่อสงครามในฉนวนกาซา นักวิเคราะห์การค้าและการพัฒนากล่าวว่า การค้าผ่านคลองสุเอซลดลงประมาณ 42% ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยอันตราย
เรือฟริเกตป้องกันภัยทางอากาศอาลซัสของฝรั่งเศสเดินทางผ่านคลองสุเอซลงสู่ทะเลแดงเมื่อต้นเดือนนี้เพื่อเข้าร่วมกับลองเกอด็อกที่อยู่ในพื้นที่แล้ว
อาลซัส พร้อมด้วยเรือยูเอสเอส คาร์นีย์ และเรือพิฆาตของกองทัพเรืออินเดีย ได้ช่วยดับเพลิงบนเรือบรรทุกน้ำมัน มาร์ลิน ลูอันดา เมื่อวันที่ 27 มกราคม หลังเรือบรรทุกสินค้าถูกโจมตี ขณะที่เรือรบอังกฤษ HMS Diamond ยังประจำการอยู่ที่นั่นเป็นระยะๆ ซึ่งยัง ปกป้องการขนส่ง ด้วย
Cr.https://en.topwar.ru/235340-datskij-fregat-pvo-napravljaetsja-v-krasnoe-more.html
