จากเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 Blockdit World Update รายงานถึงนิตยสาร Newsweek ที่ระบุว่า รัฐเท็กซัส ได้พิจารณาแยกตัวจากสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องจากความขัดแย้งทางนโยบาย ที่รัฐบาลกลาง ไม่ต้องการปกป้องรัฐจากการ บุกรุกรานของผู้อพยพ
ทั้งนี้ เพราะตามรัฐธรรมนูญแห่งเท็กซัส กำหนดให้สามารถแยกเอกราชจากรัฐบาลกลางได้ ซึ่งเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส จากพรรคริพับลิกัน ระบุว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต เปลี่ยนชายแดนทางใต้ของประเทศให้กลายเป็นจุดเสี่ยงต่อการอพยพย้ายถิ่นฐานอย่างผิดกฎหมาย
แทนที่จะรักษากฎหมายและปกป้องชายแดน กลับสนับสนุนการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และผู้ก่อการร้ายเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มผู้ว่าการรัฐในสังกัดพรรครีพับลิกัน สนับสนุนผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ในการต่อสู้กับการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่ชายแดนติดกับเม็กซิโก
ส่วนฝ่ายบริหารของไบเดน กลับโจมตีว่าเป็นเรื่องทางการเมือง และฟ้องร้องรัฐเท็กซัส ต่อศาลฎีกาให้มีคำสั่งระงับการสร้างรั้ว เพื่อปกป้องพลเมืองอเมริกัน
รัฐบาลไบเดน ให้เวลาเท็กซัส 24 ชั่วโมงในการปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐ และโอนพื้นที่ตำรวจตระเวนชายแดนไปยังรัฐบาลกลาง ปัจจุบันกองกำลังพิทักษ์ชาติเท็กซัสควบคุมจุดผ่านแดนที่ใหญ่ที่สุดซึ่งผู้อพยพผิดกฎหมายเข้ามายังสหรัฐ
รัฐเท็กซัส ระบุว่า ฝ่ายบริหารไบเดน กระทำการทรยศหักหลัง โดยล้มเหลวในการควบคุมผู้อพยพ และละเลยการรักษาความมั่นคงบริเวณชายแดน ทำให้ 25 รัฐที่สนับสนุนเท็กซัส เริ่มส่งกำลังเสริมทางอากาศ และภาคพื้นดินเพื่อปกป้องชายแดนเท็กซัส และป้องกันการบุกโจมตีของรัฐบาลกลางที่อาจเกิดขึ้น
ท่ามกลางวิกฤติการเข้าเมือง และความขัดแย้งทำให้รัฐเท็กซัส พิจารณาที่จะแยกเอกราชออกจากสหรัฐ ต่อต้านและปฏิเสธอำนาจรัฐบาล โดยกำลังติดตั้งลวดหนามและเครื่องกีดขวางชายแดนเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพเข้าถึงดินแดนของรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
ส่วนฝ่ายรัฐบาลกลางก็บล็อคไม่ให้ผู้อพยพเดินทางออกจากรัฐเท็กซัส ไปสู่เมืองใหญ่ ขณะนี้เกิน 25 รัฐ หรือกว่า 50% ของสหรัฐ สนับสนุนแนวทางของรัฐเท็กซัสในการต่อสู้กับคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และความขัดแย้งกับรัฐบาลกลาง
รัฐเท็กซัส อุดมด้วยทรัพยากรน้ำมัน เป็นรัฐรายได้ GDP อันดับ 2 สัดส่วนราว 8.6% ของสหรัฐ มูลค่าราว 1.985 ล้านดอลลาร์ (มากกว่าไทย 4.36 เท่า) ทำให้ต้องส่งรายได้ให้รัฐบาลกลางนำไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนอกประเทศ
โดยเฉพาะงบประมาณทำสงครามในต่างประเทศกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี หรือสัดส่วนราว 53% ของงบประมาณประจำปี , การแยกเอกราช จะทำให้เท็กซัสได้ประโยชน์จากไม่ต้องแบ่งรายได้จากทรัพยากรให้รัฐบาลกลาง แต่นำมาพัฒนาดินแดนตนเอง และไม่ต้องรับผิดชอบหนี้สินมหาศาลที่รัฐบาลกลางก่อขึ้น
พรรคเดโมแครตได้คะแนนเสียงจากผู้อพยพลี้ภัย จนชนะเลือกตั้ง ส่วนพรรคริพับลิกัน คือ พวกชาตินิยม ต้องการรักษาความเป็นอเมริกันดั้งเดิมไว้จึงไม่ต้องการผู้อพยพ แบบนี้คงต้องฉีกแบ่งประเทศคนละครึ่งจบปัญหาวุ่นวายแน่นอน
Cr.https://www.blockdit.com/world.update
Cr.https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454
ขณะที่ในวันเดียวกัน เว็บไซต์ TOP WAR ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า ทางการเท็กซัสออกคำเตือนถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ และคณะผู้ติดตามของเขา โดยรองผู้ว่าการรัฐเท็กซัส แดน แพทริค เตือนประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกระทำที่หุนหันพลันแล่น และเรียกร้องให้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการปิดพรมแดนติดกับเม็กซิโก
ก่อนหน้านี้เกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ได้ปิดพรมแดนติดกับเม็กซิโก และส่งหน่วยพิทักษ์ชาติของรัฐไปยังพื้นที่ชายแดน ตามกฎหมายของอเมริกา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำรัฐเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้ว่าการรัฐ และแอ๊บบอตไม่ได้ละเมิดสิ่งใดอย่างเป็นทางการ
“เจ้าหน้าที่ของรัฐมีความกังวลว่าทำเนียบขาวจะพยายามเกินเหตุกับสถานการณ์นี้ ซึ่งข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดที่ฝ่ายบริหารของ Biden สามารถทำได้คือการเผชิญหน้ากับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย โดยที่กองทัพและกองกำลังพิทักษ์ชาติของเราอยู่บริเวณชายแดน…เมื่อเรายุ่งอยู่กับการทำสิ่งที่คนอเมริกันต้องการ” รองผู้ว่าการรัฐเท็กซัส กล่าว
ดังที่แพทริคระบุไว้ หน่วยงานของรัฐยินดีรับความช่วยเหลือจากรัฐอื่น โดยมีรายงานว่าผู้ว่าการรัฐของสหรัฐฯ อย่างน้อย 25 รัฐออกมาสนับสนุนทางการเท็กซัส เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีความมั่นใจในศูนย์กลางของรัฐบาลกลางอีกต่อไป
การดำเนินการของทางการเท็กซัสยังได้รับการสนับสนุนจากผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลุ่มหัวรุนแรงของพรรครีพับลิกันซึ่งรวมตัวกัน เรียกร้องมานานแล้วว่าไบเดนฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้อพยพผิดกฎหมายหลายพันคนจากอเมริกากลางและอเมริกาใต้เข้ามายังสหรัฐอเมริกา