จากเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 สื่ออัล-มายาดีน รายงานสถานการณ์รุกรานของอิสราเอล ในเขตเทศบาลกาซา รัฐปาเลสไตน์ ว่า “เป็นวันแห่งการต่อสู้ที่ยากลำบากที่สุด” ถือเป็นคืนดำมืดสำหรับกองทัพอิสราเอล จากความพ่ายแพ้หลายเหตุการณ์
โดยมีรายงานถึงทหารอิสราเอลมากกว่า 21 นายถูกสังหาร หลังจากที่ทัพฮามาสทำให้อาคาร 2 หลังพังถล่มลงมาทับศีรษะ มีทหารได้รับบาดเจ็บและสูญหายไปอีกจำนวนมาก ทำให้เกิดความตื่นตระหนก มีการส่งหน่วยกู้ภัยมากกว่า 100 ราย ไปช่วยที่จุดเกิดเหตุ
ต่อมาเฮลิคอปเตอร์หลายลำบินว่อนอพยพทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บไปโรงพยาบาล , ฝ่ายปาเลสไตน์ได้ให้รายละเอียดเพิ่มว่า เหตุการณ์เริ่มขึ้นใกล้ค่ายผู้ลี้ภัยอัล มูอาซี ทหารทำนวนมากไปทำการวางระเบิดอาคาร 10 หลังเพื่อไล่ที่
ล่าสุดวันที่ 25 มกราคม 2567 มีสถานการณ์ปะทะกันอีกครั้ง โดย Blockdit World Update ออกมาโพสต์ข้อความเปิดเผยไว้อย่างน่าติดตามว่า
พล.ต.ยาห์ยา สารี โฆษกกองทัพฮูตี เยเมน แถลงว่า ได้สั่งห้ามเรือสินค้าอเมริกาผ่านน่านน้ำของตน แต่พวกเขาฝ่าฝืนคำสั่ง จึงโจมตีขีปนาวุธใส่เรือสินค้าอเมริกา 2 ลำพร้อมกัน ในอ่าวเอเดน และช่องแคบบับ อัล-มันดาบ
เกิดการปะทะดวลเดือดกันกับเรือพิฆาต และเรือรบของกองทัพสหรัฐ นาน 2 ชั่วโมง ที่พยายามยิงขีปนาวุธปกป้องเรือพาณิชย์ของตน แต่ก็ไม่สามารถสกัดขีปนาวุธของเยเมนได้หมด บางลูกหลุดพุ่งโจมตีเป้าหมายจนได้
บริษัท Maersk Shipping ยอมรับว่าเรือทั้ง 2 ลำที่โดนโจมตี กำลังบรรทุกยุทโธปกรณ์ทางทหารของอเมริกา และผลการปะทะดวลเดือดกันสรุปได้ว่า ฝ่ายสหรัฐ พ่ายแพ้ เรือสินค้าอเมริกัน 2 ลำไปต่อไม่ได้ ถอนตัวและหันหัวเรือ กลับไป ไม่สามารถผ่านทะเลแดงไปเทียบท่าอิสราเอล ส่วนเรือรบสหรัฐ ก็บึ่งหนีน้ำบานไป สหรัฐจึงขอไม่ให้เรือสินค้าตนติดธงชาติสหรัฐ เพราะกลัวเยเมนโจมตี
หน่วยการค้าทางทะเลของอังกฤษ ยอมรับว่าได้รับรายงานจากเรือลำหนึ่งถูกขีปนาวุธโจมตี ทางใต้ 45 ไมล์จากเมืองเอเดน เยเมน และรายงานเบื้องต้นระบุว่าเรือถูกไฟไหม้เสียหาย ขณะที่สหรัฐฯ ขอร้องจีน ให้ช่วยมารุมเยเมนหน่อยแต่จีนปฏิเสธเพราะเรือตนผ่านได้ปกติ
กองทัพฮูที เยเมน ครอบครองอาวุธร้ายแรงขั้นสูง ที่นำมาใช้ปะทะ คือ ขีปนาวุธต่อต้านเรือ Hypersonic เร็วกว่าเสียงหลายเท่า ติดตั้งระบบนำทางด้วยเลเซอร์ที่ไฮเทคล้ำสมัย 2 ระบบ
ทำให้ขีปนาวุธประเภทนี้แม่นยำมากในการโจมตีเป้าหมายทางเรือ ไม่ว่าจะลอยอยู่กับที่ หรือกำลังแล่นเคลื่อนที่ในทะเล และตรวจจับได้ยาก เพราะในปัจจุบันสหรัฐ ยังไม่มีเทคโนโลยีขีปนาวุธ Hypersonic ประจำการ จึงไม่มีอาวุธสกัดกั้นไปด้วย
ยังไม่แน่ชัดว่าเยเมน มีเทคโนโลยีอาวุธ Hypersonic ได้อย่างไร แต่เมื่อพิจารณาทุนการผลิตอาวุธประเภทนี้ในรัสเซีย ต่ำมากเนื่องจากมีทรัพยากร วัสดุ แร่ธาตุ โรงงาน และแรงงานของตนเอง เช่น ขีปนาวุธร่อน Kalibr มีราคา 350,000 ดอลลาร์/ลูก
ในขณะที่วัตถุโบราณอายุกว่า 33 ปี ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก สหรัฐ มีราคา 1.7 ล้านดอลลาร์ และขีปนาวุธร่อนอื่นๆ ก็มีราคาใกล้เคียงกัน ย้อนหลัง 8 ปี กลาโหมสหรัฐ ซื้อเพิ่มแค่ปีละไม่เกิน 100 ลูก บางปี 30 ลูก การผลิตจึงเน้นขายให้บริวาร เช่น ญี่ปุ่น ฯลฯ และสหรัฐ ยิงไปแล้วราว 80 ลูก
คาดว่า..คลังแสงขีปนาวุธของสหรัฐ บนเรือรบและในฐานทัพย่านตะวันออกกลางมีน้อยกว่าเยเมน ที่สะสมไว้กว่าแสนลูก กำลังทหารอเมริกัน ทุกฐานทัพแถวนี้รวมกันราว 45,000 นาย ในขณะที่เยเมน มีทหารประจำการ 200,000 นาย พลสำรองรวม 2 ล้านนาย ต่างกันมาก
การดวลเดือดยกที่ 7 ฝ่ายเยเมน เจ้าถิ่นฟิตมาก ออกอาวุธก่อนซ้าย ขวา ใส่เรือสินค้าอเมริกาในอ่าวเอเดน และช่องแคบปากทะเลแดง ส่วนฝ่ายสหรัฐได้แต่ปัดป้อง ผลคืออาวุธเยเมน หลุดโดนเข้าอย่างจัง เรือราคาแพงถูกทำลาย สหรัฐบอบช้ำ รอฟื้นตัวค่อยแก้มือยกต่อไปแน่นอน
เรือ