จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันพุธ (10 ม.ค.) ว่า รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ผิวสีวัย 70 ปี ลอยด์ ออสติน (Lloyd Austin) ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ก่อนที่จะย้ายไปรักษาในห้องไอซียูดูแลผู้ป่วยอาการวิกฤตเพื่อรับอาการแทรกซ้อนที่ตามมาหลังเข้ารับการผ่าตัดในเดือนธันวาคม
แต่ทว่าเพนตากอนกลับปิดข่าวการเข้าไอซียูของออสตินเงียบไม่ยอมแจ้งให้ทำเนียบขาวได้รู้ในทันที เอเอฟพีรายงานก่อนหน้าว่า นายใหญ่เพนตากอนเข้าโรงพยาบาลนาน 3 วัน ก่อนที่เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จะแจ้งให้ที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ ประจำทำเนียบขาว เจค ซัลลิแวน และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ได้รู้
ต่อมาเมื่อวานนี้ (20 มกราคม 2567) World News ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า คณะกรรมการพิเศษของรัฐสภาสหรัฐ ออกหมายเรียก พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม ไปให้การในวันที่ 14 ก.พ.2567 หลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างลับๆ โดยประเด็นคำถาม 20 ข้อให้เขาตอบ “เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ต้องปรากฎตัว” ภายในวันที่ 7 ก.พ.2567
เพื่อให้ทราบแน่ชัด เช่น เขาสั่งให้ลูกน้องปกปิดข้อมูลการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่ , สั่งอะไรตอนอยู่ในศูนย์การแพทย์ ฯลฯ แต่ไมค์ โรเจอร์ส ประธานคณะกรรมการติดอาวุธ แจ้งว่า ออสติน จะต้องขอโทษสมาชิกคองเกรส ในช่วงเวลาแห่งความไม่มั่นคงระหว่างประเทศ
เมื่อวันก่อนสื่อ CNN รายงานว่า เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐ อ้างว่า พล.อ.ลอยด์-ออสติน ออกจากศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด แต่เขา”จะทำงานจากระยะไกลเป็นระยะเวลาหนึ่ง” โดยไม่แสดงตน และไม่มีภาพวิดีโอของเขา ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ไหน
ล่าสุดสำนักข่าว Real Raw News โดย ไมเคิล แบกซ์เตอร์ สื่อสหรัฐ รายงานว่าสำนักงานของ พล.อ.เอริค เอ็ม.สมิธ ผู้เชี่ยวชาญหน่วยบัญชาการไซเบอร์สเปซ ของกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐ เขามีความสัมพันธ์ติดต่อกับ พล.อ.เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย
ในภารกิจร่วมกันเพื่อกำจัดห้องทดลองอาวุธ Adrenochrome ในยูเครน รวมถึงอีกหลายภาระกิจลับจึงเกิดช่องทางติดต่อกัน เมื่อมีข่าวว่า ออสติน ถูกรัสเซียรัวด้วยขีปนาวุธ Hypersonic ราว 20 ลูก เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2567 ทำลายฐานบัญชาการใต้ดิน
ที่ออสตินและพลโท วาเลรี ซาลูซนี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน กำลังวางแผนเพื่อลอบสังหารโค่นล้มประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และวันที่ 7 ม.ค.2567 Andrei Zakharov เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองกลาง FSB ของรัสเซีย ให้ข้อมูลกับ Real Raw News ว่า
คำกล่าวอ้างของรัฐบาลไบเดน ว่าออสตินรักษาในโรงพยาบาลในสหรัฐ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์นั้น เป็นข้อมูลที่บิดเบือน เพราะพบหลักฐานว่าเขารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เมืองหลวงกรุงเคียฟ หลังการโจมตีด้วยขีปนาวุธรัสเซีย
แม้กองทัพยูเครน ปิดล้อมและควบคุมพื้นที่เกิดระเบิดไว้ แต่กองทัพรัสเซียก็สามารถสกัดกั้นทหารยูเครนประมาณ 70 นาย เพื่อเข้าถึงซากปรักหักพัง จนสายลับรัสเซียชาวยูเครนเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ก่อน เก็บรอยพิมพ์นิ้วมือและพบร่างผู้ถูกโจมตีบางส่วน เมื่อมีข่าวของออสตินถูกอาวุธโจมตีในกรุงเคียฟ สำนักงานของ พล.อ.สมิธ ของสหรัฐ จึงติดต่อ พล.อ.ชอยกู ขอหลักฐาน
ต่อมาวันที่ 14 ม.ค.2567 ฝ่ายรัสเซีย ส่งสำเนาลายนิ้วมือดิจิทัลของออสติน ที่ได้รับจากอุปกรณ์ที่เขาสัมผัสในบังเกอร์กรุงเคียฟ ภาพพิมพ์ตรงกัน 14 จุด ซึ่งในศาลยุติธรรมใช้เพื่อพิสูจน์ตัวตนของบุคคลใช้แค่ 10–12 จุด และส่งภาพถ่ายวงจรปิดของออสติน และซาลูซนี ซึ่งอยู่นอกบังเกอร์หนึ่งวันก่อนการโจมตีนั้นให้ตรวจสอบความถูกต้อง
สำนักงานของ พล.อ.เอริค เอ็ม.สมิธ ผู้เชี่ยวชาญหน่วยบัญชาการไซเบอร์สเปซ ของกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐ ได้ระบุถึงออสตินว่า “เรายอมรับว่าเขาจากไปแล้ว และเราได้ลบชื่อของเขาออกจากรายชื่อของเรา”
วิเคราะห์ว่า..ตราบใดที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ไม่โผล่ปรากฎตัวจริงหรือผ่านวิดีโอลิ้ง ต่อกรรมาธิการสภาคองเกรสสหรัฐ เพียงแต่ให้ปากคำผ่านเอกสารก็ไม่สามารถยืนยันการมีอยู่จริงว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ หรือมีชีวิตทิพย์ ความลับจะอึมครึมมืดมิดต่อไปแน่นอน