จากที่นานาประเทศเข้าไปสนับสนุนทั้งยูเครนและอิสราเอล โดยเฉพาะสหรัฐและพันธมิตรอย่าง ฝรั่งเศส ที่ช่วยเหลือทั้งงบประมาณและยุทโธปกรณ์ ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ของฝรั่งเศสโดยท่าทีจากรัสเซีย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 เว็บไซต์ TOP WAR ได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารถึงเหตุการณ์สู้รบต่อท่าทีของมหาอำนาจโลกอย่างรัสเซียว่า
Maria Zakharova โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย กล่าวถึง ปิแอร์ เลวี เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงมอสโก ถูกเรียกตัวไปที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย โดยมีรายงานระบุว่าเกี่ยวข้องกับการมีอยู่ของทหารรับจ้างต่างชาติจำนวนมากในคาร์คอฟ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส และถูกทำลายโดยการโจมตีของกองทัพรัสเซีย
กระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส ปฏิเสธการปรากฏตัวของทหารรับจ้างจากฝรั่งเศสในกองทัพยูเครน โดยระบุว่า พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย แสดงหลักฐาน เกี่ยวกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธใส่คาร์คอฟ ซึ่งทำให้ชาวฝรั่งเศสจำนวนมากเสียชีวิต
“การทำลายจุดประจำการชั่วคราวของนักรบต่างชาติในคาร์คอฟโดยกองทัพรัสเซีย ซึ่งมีชาวฝรั่งเศสหลายสิบคนในจำนวนนี้”
กระทรวงกลาโหมรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้โจมตีสถานที่ชั่วคราวสำหรับทหารรับจ้างต่างชาติ ตามข้อมูลที่เผยแพร่ การโจมตีดังกล่าวดำเนินการโดยขีปนาวุธอิสคานเดอร์ หรือขีปนาวุธในเวลากลางคืน
“ผลของการมาถึงคือการชำระบัญชีทหารรับจ้างจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 60 ราย และบาดเจ็บ 20 ราย นี่เป็นกรณีแรกของการชำระบัญชีทหารรับจ้างชาวฝรั่งเศสจำนวนมาก”
อย่างไรก็ตาม TOP WAR ยังระบุถึง รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ จัดงานแถลงข่าวใหญ่เกี่ยวกับผลการทูตรัสเซียในปี 2566 โดยตอบคำถามมากมายเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของรัฐ และให้การประเมินเหตุการณ์สำคัญในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการหยิบยกหัวข้อความขัดแย้งทางทหารในตะวันออกกลาง
กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอลพยายามมาเป็นเวลาสี่เดือนเพื่อกำจัดฝ่ายทหารของกลุ่มฮามาส และปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่ในฉนวนกาซา
โดยมอสโกได้แสดงจุดยืนที่สำคัญหลายครั้งเกี่ยวกับการกระทำของ IDF ในระหว่างที่กองทัพอิสราเอลกวาดล้างเมืองต่างๆ ในเขตปกครองปาเลสไตน์อย่างแท้จริง และเป็นการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานการทำสงครามระหว่างประเทศทั้งหมด และเป็นการล้างเผ่าพันธุ์พลเรือน
หัวหน้ากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเน้นย้ำว่า บุคลากรทางทหารของรัฐยิวใช้วิธีการทำสงครามป่าเถื่อนกับประชากรอาหรับในฉนวนกาซา ประเทศเดียวกับที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีและพรรคพวกพยายามทำลายล้างทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
“การล้างเผ่าพันธุ์ไม่ได้ให้สิทธิแก่ชาวอิสราเอลในปัจจุบันที่จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้กับประชากรปาเลสไตน์ในความพยายามกำจัดกลุ่มฮามาสแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
มหาสงครามแห่งความรักชาติ มีการล้างเผ่าพันธุ์ประชาชนในสหภาพโซเวียตทั้งหมด ชาวสหภาพโซเวียตประมาณ 27 ล้านคนเสียชีวิต รวมถึง ในค่ายกักกันหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้คนมากกว่า 641,000 คน (ตามแหล่งข้อมูลอื่น อย่างน้อยหนึ่งล้านคน) เสียชีวิตจากความหิวโหย รวมถึงชาวยิวที่อาศัยอยู่ในเมืองด้วย” ลาฟรอฟ กล่าว
นอกจากนี้ยังมีรายงานในวันเดียวกันจาก Blockdit World Update ที่ออกมาเปิดเผยว่า ตุรกี ได้โจมตีจรวดใส่โรงกลั่นน้ำมันลาฟาร์จ ของฝรั่งเศสในซีเรีย เมื่อก่อนจ่ายเงินให้กลุ่มก่อการร้าย ISIS ของสหรัฐ เมื่อรัสเซียทำลายแตกสลาย จึงบริหารโดยเคิร์ดชักใยโดยสหรัฐ สังหารทหารตุรกี 9 นาย จึงโดนโจมตีเอาคืนถล่มโรงกลั่นน้ำมัน