ทะเลแดงลุกโชน! เยเมนดวลเดือดเรือรบUSแทรกขณะไล่เรืออิสฯ จัดขีปนาวุธ๓ โดรน๑๘ Centcomอ้างสกัดได้

0

จุดวาบไฟร้อนในตะวันออกกลางวันนี้ กำลังเป็นที่จับตามากนอกเหนือไปจากสนามรบกาซาแล้ว คงไม่พ้นทะเลแดงเดือด ที่วันนี้มีการเผชิญหน้ากันแล้วระหว่างกองเรือสหรัฐฯและเยเมน

วันที่ ๑๑ ม.ค.๒๕๖๗ สำนักข่าวอัลจาซีราและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า นายพลยะห์ยา ซารี โฆษกกองทัพอันซารอลลาห์หรือกลุ่มฮูตีแห่งเยเมน กล่าวว่า เรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ ตกเป็นเป้าหมายในทะเลแดงแล้ว เรามุ่งเป้าไปที่เรืออเมริกันที่ให้การสนับสนุนกลุ่มไซออนิสต์ด้วยขีปนาวุธและโดรนจำนวนมาก

เขากล่าวในแถลงการณ์ว่า “กองทัพเรือ กองกำลังขีปนาวุธ และกองกำลังโดรนของกองทัพเยเมน ได้ทำการปฏิบัติการทางทหารร่วมกันด้วยขีปนาวุธและขีปนาวุธทางเรือและโดรนจำนวนมาก มุ่งเป้าไปที่เรืออเมริกันที่ให้การสนับสนุนกลุ่มไซออนิสต์”

ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการตอบสนองต่อ“การโจมตีที่เป็นอันตราย” บนเรือฮูตีโดยกองกำลังสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และสารีเน้นย้ำว่ากลุ่มฮูตีจะตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เป็นศัตรูต่อพวกเขาทั้งหมด

“กองทัพเยเมนยังคงป้องกันไม่ให้เรือของอิสราเอลหรือผู้ที่มุ่งหน้าไปยังท่าเรืออิสราเอลจากการเดินเรือในทะเลอาหรับและทะเลแดง จนกว่าการรุกรานของอิสราเอลจะหยุดลง และการปิดล้อมพี่น้องที่แน่วแน่ของเราในฉนวนกาซาจะถูกยกเลิก”

ด้านกองทัพเรือสหรัฐฯออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ฮูตียิงขีปนาวุธ ‘ซับซ้อน’เข้ามาจำนวนมากและทางสหรัฐฯได้ปฏิบัติการต่อต้านสำเร็จในระหว่างเหตุการณ์ครั้งล่าสุด ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของกลุ่มฮูตีจนถึงปัจจุบัน 

กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (CENTCOM) ซึ่งดูแลการปฏิบัติการในตะวันออกกลางและเอเชียกลาง ได้ประกาศความพยายามโจมตีเมื่อวันอังคาร โดยกล่าวว่ามีการปล่อยขีปนาวุธต่อต้านเรือและโดรนหลายลำ “ จากพื้นที่เยเมนภายใต้การควบคุมของฮูตี ลงสู่ทะเลแดงตอนใต้ ”

โดรนโจมตีทางเดียว ๑๘ ลำ ขีปนาวุธร่อน ๒ ลูก และขีปนาวุธ ๑ ลูกถูกยิงตกโดยเครื่องบิน F-18 ของอเมริกา และเรือรบสหรัฐฯ และอังกฤษอีกจำนวนหนึ่งที่ประจำอยู่ในภูมิภาคนี้ CENTCOM กล่าวเสริมว่า “ไม่มีรายงานการบาดเจ็บหรือความเสียหาย”

การโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนถือเป็นการโจมตีครั้งที่ ๒๖ ของกลุ่มฮูตีบนเส้นทางเดินเรือเชิงพาณิชย์ในทะเลแดง นับตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ได้ให้คำมั่นว่าจะยกระดับปฏิบัติการภายหลังการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล ซึ่งเริ่มขึ้นเพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อปลายปีที่แล้ว

ในเดือนพฤศจิกายน กลุ่มฮูตีประกาศว่าเรือทุกลำ“ที่เป็นของอิสราเอลหรือผู้ที่ปฏิบัติการร่วมกับศัตรู”จะกลายเป็น“เป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย”ภายหลังการโจมตีตอบโต้ของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา ต่อมาได้เผยแพร่ภาพอันน่าทึ่งที่แสดงให้เห็นนักรบกำลังยึดเรือลำหนึ่งที่เชื่อมโยงกับ รัฐยิว รายงานต่อมาระบุว่าเรือลำนี้ควบคุมดูแลโดยบริษัทญี่ปุ่นซึ่งติดธงบาฮามาสและมีลูกเรือนานาชาติ แต่มีหุ้นส่วนของนักธุรกิจชาวอิสราเอล รามี อุงการ์ เป็นเจ้าของ

แหล่งข่าวทางทหารของสหรัฐฯ ที่อ้างโดย CNN ยืนยันว่าเรือพิฆาตอเมริกัน ๓ ลำช่วยต่อต้านขีปนาวุธฮูตีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่วางจำนวนขีปนาวุธที่ตกทั้งหมดไว้ที่ ๒๔ ลูก ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขายิงตกในเวลาเดียวกัน จากสถานที่เดียวกันหรือไม่ เจ้าหน้าที่กล่าวว่าจะมีการแชร์รายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อมีข้อมูล

กลุ่มอินชาอัลเลาะห์ยังไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการโจมตีครั้งล่าสุดในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่เจ้าหน้าที่ทหารที่ไม่เปิดเผยชื่อจากกลุ่มบอกกับอัลจาซีราว่า กองกำลังของพวกเขา“มุ่งเป้าไปที่เรือลำหนึ่งที่เชื่อมโยงกับอิสราเอลในทะเลแดง”โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ทะเลแดงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งหลักสำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของภูมิภาค โดยเกือบ ๑๐% ของการค้าน้ำมันทั่วโลกและมีสินค้าประมาณ ๑ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่ผ่านช่องแคบบับ เอล-มานเดบ ในแต่ละปี

ท่าทีเบื้องหลังของสหรัฐฯนั้นสื่อPolitico ออกมาเปิดเผยโดยอ้างจากเจ้าหน้าที่ผู้รอบรู้ว่า “ทำเนียบขาวกังวลว่าความขัดแย้งในฉนวนกาซาอาจขยายไปยังส่วนอื่นๆ ของตะวันออกกลาง และกำลังจัดทำแผนสำหรับการตอบสนองของสหรัฐฯ หากเป็นเช่นนั้น การหารือภายในกำลังดำเนินอยู่ในคณะบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจส่งผลให้วอชิงตันเข้าสู่สงครามครั้งใหญ่ในภูมิภาคนี้” 

แหล่งข่าวรวมถึงเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายบริหารของไบเดนระบุในบทความเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า “ศักยภาพของความขัดแย้งในวงกว้างในตะวันออกกลางกำลังเพิ่มมากขึ้น เหตุการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา“ทำให้บางคนในฝ่ายบริหารเชื่อว่าสงครามในฉนวนกาซาได้ขยายความรุนแรงอย่างเป็นทางการไปไกลเกินขอบเขตของฉนวนกาซาแล้ว”

เหตุการณ์เหล่านี้รวมถึงการโจมตีด้วยโดรนของสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดดที่สังหารผู้นำกลุ่มResistance อิรักมุชแตค ตาเล็บ อัล-ไซดี (Mushtaq Taleb al-Saidi) การลอบสังหารซาเลห์ อัล-อะรูรี (Saleh al-Arouri) รองหัวหน้ากลุ่มฮามาสในการโจมตีด้วย UAV ของอิสราเอลในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน และเหตุระเบิดสองครั้งในอิหร่านที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า ๑๐๐ ราย และบาดเจ็บเกือบ ๓๐๐ คน

เจ้าหน้าที่ระบุ กองทัพสหรัฐฯ กำลังร่างแผนตอบโต้นักรบฮูตี ซึ่งมุ่งเป้าไปที่เรือพาณิชย์นอกชายฝั่งเยเมน เพื่อตอบโต้การโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล “จากมุมมองของเรา สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือกลุ่มฮูตีอาจจมเรือได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?”

ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งใหม่ของไบเดนด้วย ดูเหมือนว่าเขาวางแผนจะเน้นการรณรงค์หาเสียงในประเด็นภายในประเทศ แทนที่จะโอ้อวดผลงานต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ต้อง“ยุติวาระแรกของเขาในฐานะแชมป์โลกปกป้องยูเครน และสปอนเซอร์หลักของอิสราเอลในการอำนวยความสะดวกให้อิสราเอลล้างเผ่าพันธ์และขับไล่ประชาชนปาเลสไตน์เพื่อยึดครองเบ็ดเสร็จ” ปัญหาภายในประเทศของสหรัฐฯยุคไบเดนทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร นโยบายก่อสงครามนอกบ้าน ล้วนเป็นปัจจัยฉุดโอกาสกลับคืนบัลลังก์รอบสองให้ไบเดน แต่วันนี้ยังไม่เห็นตัวสำรองของเดโมแครต แสดงว่ามั่นใจว่าอย่างไรเสียไบเดนก็ต้องได้กลับเข้ามา เพราะคู่แข่งหลักของไบเดนอย่างทรัมป์น่าจะอ่วมเกินกว่าจะเข้าสู่สนามแข่งขัน และตัวสำรองอื่นๆของรีพับลิกันก็ไม่โดนใจคนมะกันสักเท่าไร แบบนี้ สงครามในจุดวาบไฟทั้งยุโรป ตะวันออกกลางและเอเชีย-แปซิฟิกจะไปไหนเสีย!!