จากที่บรรดาชาติยุโรปต่างพากันประสบความล้มเหลวในการคว่ำบาตรรัสเซีย เพราะท้ายที่สุดประเทศตัวเองกลับต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ท่ามกลางรายงานถึงการซื้ออาวุธจากสหรัฐ แม้ภายในรัฐบาลจะถังแตกก็ยังคงกู้
ล่าสุดวันที่ 05 มกราคม 2567 เกิดสภาวะวิกฤตซ้ำในยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน ซึ่ง Blockdit World Update ได้ออกมาโพสต์ข้อความเปิดเผยไว้ว่า
ภายหลังเยอรมนี หลงเชื่อสหรัฐ คว่ำบาตรพลังงานรัสเซีย และติดหล่มสงครามยูเครน มาเกือบ 2 ปี ความรุ่งเรืองภาคอุตสาหกรรมทุกสิ่งที่สร้างมา 50 ปี ก็ได้จบสิ้นลง เกิดหนี้สินสาธารณะมากอย่างไม่เคยมีมาก่อนถึง 3.01% ของ GDP โลก
ยอดหนี้สะสมพุ่งสะสมกว่า 3.1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 107 ล้านล้านบาท ต้องซื้อพลังงานก๊าซ แพงมากที่สหรัฐ เป็นยี่ปั้วซื้อจากตะวันออกกลาง มาบวกราคาขายให้เยอรมนี แต่รัสเซีย มีหนี้เพียง 0.41% ของ GDP โลก คิดเป็น 394.8 ล้านดอลลาร์ (13,640 ล้านบาท)
ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซบเซาในเยอรมนี ส่งผลให้เกษตรกรประกาศว่า จะจัดม็อบครั้งใหญ่ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในวันที่ 8 มกราคม 2567
โดยสมาคมเกษตรกรหลายแห่ง สหภาพคนขับรถไฟ และอุตสาหกรรมรถบรรทุกประกาศว่าจะระดมม็อบมาร่วมต่อต้านแผนของรัฐบาลกลางที่จะยกเลิกการใช้น้ำมันดีเซลเพื่อการเกษตร ลดการยกเว้นภาษีรถยนต์ เพิ่มค่าผ่านทางรถบรรทุก เพิ่มภาษีคาร์บอน ชาวเยอรมันยังสร้างกระแสโซเชียลมีเดีย ให้หยุดงานชัทดาวน์รัฐบาล ไปจนกระทั่งให้ลาออกจากงาน
คาดว่าภาคแรงงานจะทำให้ระบบเศรษฐกิจเยอรมนีถูกชัทดาวน์นิ่งเป็นอัมพาตอย่างสมบูรณ์ อันจะส่งผลกระทบเป็นโดมิโน ไปยังชาติต่างๆ ของสหภาพยุโรปด้วย
แม้ว่าคลังยุโรปจะถังแตกไปตามๆ กันแต่สหรัฐ ก็ยังคงมุ่งมั่น รีดเลือดกับปู ขายขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน Patriot จำนวน 1,000 ลูก มูลค่า 5,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 190,230 ล้านบาท) เฉลี่ยลูกละ 190.23 ล้านบาท เป็นการซื้อที่มากที่สุดโดยชาติ NATO คือ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ โรมาเนีย และสเปน และเป็นราคาที่แพงเวอร์จนผิดปกติ เพราะนอกจากใช้สกัดอาวุธรัสเซียไม่ได้แล้ว ยังโดนขีปนาวุธ Hypersonic รัสเซียทำลายแท่นยิงอีกด้วย
นอกจากนี้รัสเซีย ยังใช้ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ปล่อยสัญญาณจากมลฑณคาลินินกราด ขัดขวางระบบนำทาง NATO GPS ในทะเลบอลติก ครอบคลุมพื้นที่ของประเทศ NATO ในยุโรป รบกวนส่งผลกระทบต่อเรดาร์และการสื่อสาร ทำให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศเทพสหรัฐ และการบินเดี้ยงทุกระบบ
เมื่อ 9 ปีก่อน 2557 กลุ่มนีโอยูเครน ได้ขังชาวสลาฟรัสเซียในอาคาร แล้วเผาจำนวนมากในแคว้นโอเดสซา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้นำรัสเซียต้องปลดปล่อยดินแดนชาวสลาฟภาคใต้ออกจากดินแดนยูเครน
ตราบใดที่รัสเซีย ยังไม่ได้ยึดและปลดปล่อยแคว้นโอเดสซา ชายทะเลดำ และอีกแคว้นคือ คาร์คีฟ ทิศตะวันออกติดแคว้นเบลโกรอด ฝ่ายรัสเซีย ก็จะลุยทุบฝ่ายสัมพันธมิตร NATO ทั้ง 54 ชาติและยูเครน ไม่เลิกไม่รา
คาดว่า…พิสูจน์เกือบ 2 ปีแล้วว่าไม่มีประโยชน์ใดที่เยอรมนี และสหภาพยุโรป จะจ่ายเงินภาษีประชาชนเอามาให้ยูเครนกู้ยืมค่าอาวุธ เพราะรัสเซีย จะทำลายทิ้งสูญเปล่า ชาวยุโรปเองต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสจากเศรษฐกิจย่ำแย่ แต่ผลักดันให้รัสเซียรวยขึ้น
แม้ในปี 2567 รัฐบาลเยอรมนีล้มคว่ำ นายกรัฐมนตรีโชลล์ ตกเก้าอี้ เปลี่ยนนายกใหม่เป็นนายพิสโตริอุส รมต.กลาโหม คนปัจจุบัน ก็แค่เหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่จะไม่ช่วยอะไรเลย ตราบที่สหรัฐ ยังให้ยูเครน เกาะขาถ่วงรั้งยุโรปไว้ ม็อบก็จะเพิ่มอีกไม่หยุดแน่นอน