จากเมื่อวันที่ 04 มกราคม 2567 TOP WAR เปิดเผยว่าปัจจุบัน กองกำลังยูเครนพยายามโจมตีคาบสมุทรไครเมียด้วยขีปนาวุธ มิคาอิล ราซโวซาเยฟ โดยผู้ว่าการเซวาสโทพอล ได้ประกาศเรื่องนี้ ขณะกระทรวงกลาโหมรัสเซียก็พูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ตามคำแถลงของกระทรวงทหาร ระบบป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพสหพันธรัฐรัสเซียได้ขับไล่ความพยายามโจมตีขีปนาวุธนำวิถีทางอากาศ ของแหลมไครเมีย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.20 น. ตามเวลามอสโก
“ขีปนาวุธของยูเครน 10 ลูกถูกทำลายโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศเหนือคาบสมุทรไครเมีย” กระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าว
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่เซวาสโทพอล ผลจากการพยายามโจมตี ตามข้อมูลเบื้องต้น กระสุนปืนกระทบบ้านบนถนน Glukhov ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
ล่าสุดวันนี้ 05 มกราคม 2567 Blockdit World Update ออกมาโพสต์ข้อความรายงานถึงสถานการณ์ของยูเครนและชาติพันธมิตรว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซีย รายงานว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร NATO ที่รุมในสมรภูมิยูเครนนั้นมีทั้งหมด 54 ประเทศ แต่กองทัพรัสเซีย ได้สังหารทหารรับจ้างต่างชาติไปแล้วมากกว่า 5,900 นาย ยังไม่รวมทหารต่างชาติที่กองทัพส่งมา ส่วนใหญ่มาจากยุโรป
โดยยูเครนกู้ยืมเงินจาก NATO แล้วกว่า 203,000 ล้านดอลลาร์ (7.02 ล้านล้านบาท) ใช้ดาวเทียมอเมริกันและยุโรปมากกว่า 500 ดวง สถานีดาวเทียม Starlink มากกว่า 20,000 ชุด
ขายขีปนาวุธ และปืนใหญ่ให้กองกำลังผสมในยูเครน มากกว่า 1,600 ระบบ , ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรุ่นต่างๆ กว่า 200 ระบบ , รถหุ้มเกราะและรถถังมากกว่า 5,200 คัน , โดรนมากกว่า 23,000 ลำ แต่รัสเซีย ทำลายแทบทั้งหมดเป็นเศษเหล็กไปแล้ว
ฝ่ายสัมพันธมิตร NATO ลูกกระสุนปืนใหญ่ 155 มม.หมดคลังแสง ไปขอซื้อต่อมาหลายช่วงผลิตจากอินเดีย และปากีสถาน แม้ 2 ชาตินี้ไม่เคยขายอาวุธหรือกระสุนให้กองทัพยูเครนโดยตรงเลยก็ตาม
ในปี 2566 ที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียได้รับอาวุธใหม่ รถถังมากกว่า 2,000 คัน , โดรน 22,000 ลำ , รถหุ้มเกราะต่อสู้ 2,200 คัน , ยานพาหนะขีปนาวุธและปืนใหญ่ 2,000 คัน , รถหุ้มเกราะและรถขับเคลื่อนด้วยตนเองมากกว่า 15,000 คัน
เครื่องบินรบ 70 ลำ รวมถึงเครื่องบินรบ Su-57 จำนวน 12 ลำ , เฮลิคอปเตอร์ 90 ลำ , เรือรบ 15 ลำ และเรือดำน้ำ 6 ลำ รัสเซีย ไม่มีการนำเข้าอาวุธตามโฆษณาชวนเชื่อ ส่วนยานรบชำรุดก็เปลี่ยนอะไหล่ซ่อมได้ดังเดิม
ผลจากการถูกฝ่ายสัมพันธมิตร NATO คว่ำบาตร ทำให้รัสเซีย มีเศรษฐกิจพุ่งกระโดด เงินคงคลังมากล้น ผลิตอาวุธล็อตใหม่ได้ตลอดเวลา จึงระดมยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายทางทหารในเมืองหลวงกรุงเคียฟ พังทั้งเมือง และเมืองอื่นๆ ทั่วยูเครนมาหลายวันแล้ว
พุ่งเป้าตัดกำลังย่านอุตสาหกรรม ยิงขีปนาวุธ Hypersonic Kinzhal จำนวน 8 ลูก โจมตีทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot ของสหรัฐพังไปแล้ว รวมทั้งโกดังใต้ดินเก็บขีปนาวุธ AtacMS
โจมตีฐานบัญชาการ NATO ใต้ดิน ส่งผลให้มีนายพลบิ๊กทหาร 9 นายถูกสังหารหมู่รวดเดียว หนึ่งในนั้นคือรองผู้บัญชาการของนายพลซารุสนี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยูเครน
ทำลายโกดังอาวุธ 3 แห่ง โรงเก็บขีปนาวุธต่อต้านเรือ และระบบอาวุธทางเรือ ในเมืองท่าโอเดสซา และทำลายศูนย์บัญชาการร่วมกองทัพอังกฤษ และโปแลนด์ ทหารเป็นปุ๋ยไปกองพะเนิน
คาดว่า..แนวหน้าสู้รบเดิมรัสเซีย ไม่ค่อยใช้อาวุธร้ายแรงเพราะเป็นอดีตสหภาพโซเวียตมาก่อน แต่เมื่อถูกโจมตีแคว้นเบลโกรอด ทำให้ประธานาธิบดีปูติน สั่งให้ทำลายทหารข้าศึกแนวหน้าด้วยอาวุธที่โหดจัด
ช่วงนี้จึงพบฉากความรุนแรงของการโจมตีอย่างดุเดือดของกองทัพรัสเซียต่อที่มั่นทุกแห่ง และบดขยี้พวกเขาทั้งหมดเป็นปุ๋ยวันละมากผิดปกติ นับแต่นี้ ยูเครน โดนยำใหญ่น่วมแน่นอน