อีกหนึ่งสถานการณ์ร้อนในตะวันออกกลาง ในงานรำลึกวีรบุรุษผู้กล้าของอิหร่านนายพลกัสเซม สุไลมานี แม่ทัพกุดส์มือปราบไอซิสชื่อก้อง เกิดระเบิดครั้งใหญ่กลางเมืองเคอร์มานใกล้ที่ฝังศพวีรบุรุษ คร่าชีวิตประชาชนกว่าร้อยราย
สภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดแห่งอิหร่านเรียกจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อประเมินและพิจารณาการตอบสนองต่อเหตุระเบิดเคอร์มานทันที
โมฮัมหมัด มอคห์เบอร์(Mohammad Mokhber) รองประธานาธิบดีอิหร่าน ประกาศชัดเจนว่า อิสราเอลและพันธมิตร คือสาเหตุของการระเบิดในเมืองเคอร์มาน และนี่เป็นการสังหารหมู่ของผู้ก่อการร้าย ซึ่งคร่าชีวิตและสร้างความบาดเจ็บต่อพลเรือนจำนวนมาก เขาย้ำว่า”เลือดอันบริสุทธิ์ของพลเรือนหลั่งไหลในเมืองเคอร์มานโดยสายลับของไซออนิสต์แห่งอิสราเอลและผู้สนับสนุน”
วันที่ ๔ ม.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซนิมนิวส์ และสำนักข่าวเมห์ร (Mehr) ของอิหร่านอ้างคำพูดของ อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านว่า
“การแก้แค้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีของผู้ก่อการร้ายใน Kerman เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย!” “การโจมตีของผู้ก่อการร้ายซึ่งทำให้ชาวอิหร่านเสียชีวิต ๑๐๓ คนจะได้รับการตอบโต้อย่างย่อยยับ”
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม อยาตอลเลาะห์ ไซอิด อาลี คาเมเนอี กล่าวแสดงความเสียใจหลังจากเหตุระเบิด ๒ ครั้ง ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า ๑๐๐ รายในเมืองเคอร์มาน ทางตอนใต้ของประเทศ โดยเน้นว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำก่อการร้ายเหล่านี้จะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรง
“เป็นอีกครั้งที่ศัตรูที่ชั่วร้ายและเป็นอาชญากรของประเทศอิหร่านสร้างโศกนาฏกรรมและทำให้ผู้คนที่รักจำนวนมากในเคอร์มานต้องพลีชีพและท่ามกลางบรรยากาศที่หอมกรุ่นของสุสานของผู้พลีชีพ” ผู้นำกล่าวในข้อความเมื่อวันพุธ
คนร้ายไม่สามารถทนต่อความรักของประชาชนที่มีต่อพล.ท. กัสเซม สุไลมานี และความกระตือรือร้นของพวกเขาที่จะไปเยี่ยมชมหลุมศพของบุคคลอันเป็นที่นับถือในวันครบรอบการมรณกรรมของเขา
ผู้นำเน้นย้ำ ศัตรู “ต้องรู้ว่าทหารในเส้นทางอันสดใสของสุไลมานีจะไม่ยอมทนต่อความชั่วร้ายและอาชญากรรมของพวกเขาเช่นกัน”
มือทั้งสองที่เปื้อนเลือดของผู้บริสุทธิ์และผู้ทุจริตและความชั่วร้าย ผู้บงการการโจมตี ให้กระทำการก่อการร้ายเหล่านี้จะต้องเผชิญหน้ากับความยุติธรรมอย่างแน่นอน
อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “พวกเขาต้องรู้ว่าการกระทำที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมนี้จะตามมาด้วยการตอบโต้อย่างเข้มงวดตามพระประสงค์ของพระเจ้า”
ผู้นำยังแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการโจมตีและแสดงความเห็นอกเห็นใจกับผู้บาดเจ็บและสวดภาวนาเพื่อให้พวกเขาหายดี
องค์กรฉุกเฉินของอิหร่าน ระบุว่า เหตุระเบิด 2 ครั้งใกล้สถานที่ฝังศพของนายพลกัสเซม สุไลมานีแห่งอิหร่านในเมืองเคอร์มาน ระหว่างพิธีเมื่อวันพุธ เป็นวันครบรอบครั้งที่ 4 การเสียชีวิต ของเขา ทำให้มีผู้เสียชีวิต ๑๐๓ ราย และบาดเจ็บอีก ๑๘๘ ราย
หน่วยบริการทางการแพทย์ระบุว่า คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่รถพยาบาลกำลังนำผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล โดยบาบัค เยกตาปารัส รองหัวหน้าองค์การฉุกเฉินของอิหร่าน ระบุว่า ผู้บาดเจ็บบางส่วนอาการสาหัส
ตามรายงาน การระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นห่างจากหลุมศพของ Martyr Soleimani ประมาณ ๗๐๐เมตร และครั้งที่สองห่างออกไปประมาณ ๑กิโลเมตร
นายกเทศมนตรี Kerman ซายิด ตาบริซี (Saeed Tabrizi) กล่าวว่ามีถุงสองใบที่บรรจุวัตถุระเบิดซึ่งถูกจุดชนวนจากระยะไกลทำให้เกิดการระเบิด
สภาเสี้ยววงเดือนแดงของอิหร่าน ระบุว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัย ๓ คนเสียชีวิตจากเหตุระเบิดครั้งที่สอง มีผู้ได้รับบาดเจ็บบางส่วนจากเหตุฝูงชนหลั่งไหลหลังการระเบิดครั้งแรก เจ้าหน้าที่กล่าวว่าผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้ถูกส่งตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว และสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม
ขณะเดียวกัน คณะรัฐมนตรีของอิหร่านได้ประกาศวันไว้ทุกข์ระดับชาติในวันพฤหัสบดีนี้
ประธานาธิบดี ปูติน แห่งรัสเซียส่งข้อความแสดงความเสียใจต่อผู้นำอิหร่านเมื่อวันพุธ โดยประณามการสังหารผู้คนที่มาเยี่ยมหลุมศพของนายพลกัสเซม สุไลมานี ว่า“น่าตกใจในความโหดร้ายและการเหยียดหยามนี้”
“โปรดแสดงความเห็นอกเห็นใจและให้กำลังใจครอบครัวและเพื่อนของเหยื่อ ตลอดจนขอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคนฟื้นตัวโดยเร็ว”ปูตินกล่าวในข้อความถึงประธานาธิบดีอิหร่าน เอบราฮิม ไรซี และผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี
ผู้นำรัสเซียกล่าวเสริม“เราขอประณามการก่อการร้ายในทุกรูปแบบและทุกรูปแบบ และยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะต่อสู้กับความชั่วร้ายนี้อย่างแน่วแน่”
สหรัฐฯ รีบปฏิเสธคำพูดชวนให้คิดใดๆ ที่บ่งชี้ว่าพวกเขาหรือพันธมิตรอย่างอิสราเอลอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดนองเลือดในอิหร่าน และเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น ตามหลังเหตุอิสราเอลโจมตีสังหารแกนนำฮามาสในเลบานอน
สัญญาณรบเดือดคืบคลานเพิ่มขึ้นทุกวัน ด้วยฝีมือขาใหญ่ที่ต้องการยื้ดสถานะอำนาจครอบงำที่เคยมีอยู่ และต้องการได้ดำรงต่อไป แต่วันนี้โลกไม่เหมือนเดิม พลังขั้วอำนาจใหม่หลายขั้วเติบใหญ่ขึ้น ตื่นตัวรับรู้ถึงธาตุแท้กลุ่มอำนาจขั้วเดี่ยวและพวกว่า เหิมเกริมโหดร้ายเพียงใด การสู้รบแบบเผชิญหน้าในนามมหาอำนาจโดยตรงใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อสหรัฐฯเปิดหน้าปกป้องเคียงข้างอิสราเอลอย่างหลับหูหลับตา ในสมรภูมิทะเลแดงยากจะหลีกเลี่ยง พายุแห่งความขัดแย้งในยุโรปยังไม่สงบและในตะวันออกกลางยิ่งก่อตัวรุนแรงขึ้นทุกวัน จับตาจุดวาบไฟอันตรายที่ปะทุในเอเชีย-แปซิฟิกกำลังก่อตัวท่ามกลางภัยพิบัติธรรมชาติถาโถม!