โลกตะโกน! สมัชชาใหญ่UN ลงมติท่วมท้นหยุดยิงทันที กว่า ๑๐ ปท.พูดหนุนปาเลสไตน์ Resistance บีบIDFรอบทิศ

0

แม้ว่าสหรัฐฯได้วีโต้ตีตกมติของ UNSC ไปไม่สามารถบังคับอิสราเอลให้หยุดยิงในกาซาได้ ทางสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้เรียกประชุมเร่งด่วนทันที มีการลงมติอย่างท่วมท้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เห็นชอบมติเรียกร้องให้หยุดยิงทันทีในฉนวนกาซา สมาชิกลงคะแนนเห็นชอบ ๑๕๓ เสียง ขณะที่ ๒๓ ประเทศงดออกเสียง

ด้านอิสราเอลลงมติไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว พร้อมด้วยประเทศอื่นๆ อีก ๑๐ ประเทศรวมสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ลงคะแนนเสียงคัดค้านมติที่คล้ายกันนี้ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ในสุนทรพจน์เปิดงาน ริยาด อัล-มาลิกี รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์กล่าวว่าสถานการณ์ในฉนวนกาซานั้น “น่าสยดสยอง” และประณามความล้มเหลวของประชาคมระหว่างประเทศในการ “แบกรับความรับผิดชอบ”ต่อเหตุการณ์ล้างเผ่าพันธุ์ที่กระทำโดยอิสราเอล

หลายประเทศ ทั้งรัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย อิหร่าน ตุรกี รวมถึงบาห์เรน ตูนิเซีย คิวบา เวเนซุเอลา แอลจีเรีย ฟิลิปปินส์  ต่างพูดสนับสนุนชาวปาเลสไตน์

จากข้อมูลของอัลจาซีรา ทูตฝรั่งเศสและอังกฤษเข้าร่วมการประชุมแต่ไม่ได้พูด มีรายงานว่ารัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบียเน้นย้ำว่า “ความจริงอันขมขื่นในฉนวนกาซาจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระหว่างประเทศและความน่าเชื่อถือขององค์กรสหประชาชาติ โดยการอนุญาตให้มีการดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศแบบเลือกสรร ไม่เท่าเทียม”

รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาห์เฮียน(Hossein Amir-Abdollahian) แสดงการสนับสนุนกลุ่มฮามาส ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็นขบวนการปลดปล่อยปาเลสไตน์และยืนยันว่า “สงครามไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา อิสราเอลและสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถกำจัดกลุ่มฮามาสได้ มีเพียงวิธีแก้ปัญหาทางการเมืองเท่านั้นที่จะนำความสงบสันติกลับคืนมา”

จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซา ชาวปาเลสไตน์ถูกสังหาร ๑๘,๔๑๒ คนและบาดเจ็บมากกว่า ๕๐,๐๐๐ คน

วันที่ ๑๓ ธ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวปาเลสไตน์โครนิเคิลและอัล-มายาดีนรายงานว่าโฆษกกองทัพของกลุ่มญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ เปิดเผยข้อมูลอัปเดตการปฏิบัติการใหม่ๆ และชื่นชมการต่อต้านในอิรักและเลบานอนสำหรับการหนุนช่วยของพวกเขา

อาบู ฮัมซาโฆษกฯ กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “กลุ่มอัล-กุดส์ มีส่วนร่วมในการสู้รบในเมืองกับกองกำลังยึดครองของอิสราเอลในฉนวนกาซา ทำลายกำลังพลของIDFหลายสิบคนและบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน ยิงปืนครกใส่เมืองที่ถูกยึดครองหลายแห่งและจุดชุมนุมทางทหารหลายแห่ง

อาบู ฮัมซา กล่าวย้ำว่า“เราจะไม่ยอมแพ้ เราจะไม่โบกธงขาวไม่ว่าการต่อสู้จะยืดเยื้อนานแค่ไหนก็ตาม”  “การต่อสู้ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องของการยุติการต่อต้านหรือการปล่อยตัวเชลยอีกต่อไป มันเป็นเรื่องของการพิจารณาสถานะของชาวปาเลสไตน์และการต่อต้านผู้รุกรานของพวกเขา”

การทิ้งระเบิดพลเรือนที่ยึดครองโดยอิสราเอลเป็นการกระทำที่ดำเนินการโดย “ผู้เฒ่าขี้ขลาดที่กำลังประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของผู้ที่ต่อสู้อย่างแน่วแน่เพื่อแผ่นดินของพวกเขาเอง”

นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ทราบถึงชะตากรรมที่ปิดผนึกไว้ของเขาหลังสงคราม โดยเรียกร้องให้ครอบครัวของเชลยชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มต่อต้านยึดครอง ให้รับผิดชอบต่อเขาในขณะที่เขาลากสงครามต่อไปทำให้ชะตากรรมของเชลยศึกเสี่ยงที่จะเสียชีวิต “เนื่องจากการทิ้งระเบิดของไซออนิสต์ หรือไม่ก็กลับมาผ่านการเจรจาที่ไกล่เกลี่ย ซึ่งจะได้รับการเชื่อถือก็ต่อเมื่อพวกเขาต้องทำการหยุดยิงถาวร”

กลุ่มต่อต้านปาเลสไตน์มีส่วนร่วมในสงครามเปิดกับการยึดครองไซออนิสต์-อเมริกันในพื้นที่กาซา ในขณะที่กลุ่มมัสยิดอัล-อักซอ จะเป็นส่วนหนึ่งของโลกอิสลามที่แข็งแกร่งนับพันล้าน นอกจากนี้เขายังยกย่องนักรบของกลุ่มต่อต้านอิสลามในเลบานอนและ อิรักด้วย

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่าอัตราการโจมตีกองทัพสหรัฐฯในอิรักและซีเรียเพิ่มขึ้น ๔๕% ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองที่บินรบของสหรัฐฯและอิสราเอลโจมตีสนามบินซีเรีย และอีกหลายจุดทั้งเขตเมืองหลวง และชนบท

การโจมตีของResistance ในอิรัก มุ่งเป้าที่ฐานทัพอัล-โอมาร์และโคโนโคในชนบทของเดอีร์เอซซอร์, ฐานทัพคารับ อัล-จิร์ และฐานทัพอัล-ชาดาดีในชนบทของอัล-ฮาซาคาห์

กลุ่มฮิซบอลเลาะห์เลบานอนได้ประกาศเมื่อวันอังคารว่ากองกำลังของตนได้โจมตีสถานที่ทางทหารหลายแห่งของอิสราเอล สร้างความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่ และสร้างความเสียหายแก่ยุทโธปกรณ์และทำลายกำลังพลของอิสราเอลเสียชีวิตจำนวนมาก

เพื่อตอบสนองต่อการเรียกร้องของชาวเยเมนและคำสั่งของผู้นำของอันซาร์อัลลอฮ์ ซัยยิด อับดุล-มาลิก อัล-ฮูตี กองทัพเยเมนได้ขยายกลุ่มเป้าหมายเพื่อรวมเรือทั้งหมดที่มุ่งหน้าไปยังท่าเรือของอิสราเอลที่ผ่านทะเลอาหรับและทะเลแดง

จนถึงขนาดนี้โลกกำลังกดดันสหรัฐและอิสราเอลอย่างทั่วด้าน ทั้งในสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ และการชุมนุมต่อต้านทั่วทุกเมืองใหญ่ในยุโรปและสหรัฐฯทำให้สหรัฐฯต้องออกมาแสดงท่าทีกดดันให้อิสราเอลปิดงานภายในปีนี้ให้ได้ และทำให้เนทันยาฮูต้องยอมแบะท่าจะเปิดเจรจา ก่อนหน้านี้ทั้งเนทันยาฮูและฝ่ายทหารยืนยันจะไม่มีการเจรจาแลกเปลี่ยน แต่เรียกร้องให้ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมดทันที 

การเคลื่อนไหวทางการเมือง กำลังผลักดันให้พลังของนานาชาติทั่วโลกบีบทั้งสหรัฐฯและอิสราเอลให้ฟัง ในขณะที่แนวร่วมResistances เพื่อปาเลสไตน์กำลังเติบโตขึ้น และพร้อมที่ลุยแหลกกับอิสราเอลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่เป้าหมายหยุดยิงถาวรจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า สหรัฐฯชั่งน้ำหนักได้เสีย ผลกระทบต่อผลประโยชน์ระยะยาวคุ้มไหม แต่ยิ่งปล่อยอิสราเอลอาละวาดแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียผู้สนับสนุนจากกลุ่มประเทศอาหรับมากเท่านั้น และอาจส่งผลกระทบแผนการใหญ่ระยะยาวก็เป็นได้ หากในที่สุดอิสราเอลไม่ยอมหยุด โอกาสจะได้เห็นศึกระดับภูมิภาคใกล้เข้ามาเต็มที!