ในโลกแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทุกการกระทำถือเป็นภาษาทางการทูตทั้งสิ้น ปูตินถือว่ารัสเซียเป็นมหาอำนาจระดับโลก เมื่อมีแขกบ้านแขกเรือน ปูตินจึงแสดงออกไม่เหมือนกัน บางประเทศที่เล่นการเมืองแบบเหยียบเรือสองแคม มองรัสเซียเป็นแค่ตัวสำรองที่เอาไว้ขู่มะกัน เมื่อมาเป็นแขก ปูตินให้ยืนรอหน้าประตูห้องนานพอสมควรกว่าจะให้เข้า ให้นั่งห่างจนสื่อเอามาล้อได้หลายวัน
กรณีการเยือนรัสเซียเพียงวันเดียวของ ปธน.อิหร่าน พูดคุยกันนานถึง ๕ ช.ม. และปูตินเดินออกมาส่งถึงรถ เหมือนครั้งมาส่งปธน.สี จิ้นผิงแห่งจีน แม้อิหร่านจะไม่ใช่มหาอำนาจเศรษฐกิจหรือการทหารระดับโลก และเป็นศัตรูหมายเลข ๑ ของอิสราเอลและสหรัฐด้วย
ขณะเดียวกันบทบาทของอิหร่านในตะวันออกกลางก็ไม่อาจมองข้ามได้ ไม่ตกหลุมพรางสหรัฐ และยังได้ใจมิตรทั้งซีเรีย อิรัก เยเมน เลบานอนในศึกกาซาและศึกต้านมหาอำนาจปล้นน้ำมันด้วย
วันที่ ๑๒ ธ.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และปาเลสไตน์โครนิเคิลรายงานว่านายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู หลังยกหูคุยกับปธน.ปูติน แห่งรัสเซียออกมาวีนเหวี่ยงทันที สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลแถลงว่า
“นายกฯเนทันยาฮู และได้คุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียในวันที่ ๑๐ ธันวาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับสงครามกับกลุ่มฮามาสและสถานการณ์ในภูมิภาค นายกรัฐมนตรีแสดงความผิดหวังกับตำแหน่งผู้แทนรัสเซียในสหประชาชาติและรูปแบบระหว่างประเทศอื่นๆ กับอิสราเอล”“เนทันยาฮูตำหนิความร่วมมือที่เป็นอันตรายระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน”
ปูตินไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่รมว.ต่างประเทศเซอร์เกย์ ลาฟรอฟตอกกลับเจ็บจี๊ด ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ฟอรัมโดฮาเมื่อวันอาทิตย์ว่า “ผมไม่คิดว่าผมเป็นคนหน้าซื่อใจคดหรือรัสเซียเป็นคนหน้าซื่อใจคด”
“เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิงที่อิสราเอลใช้ปฏิบัติการของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม เพื่อเป็นข้ออ้างในการลงโทษร่วมกันต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา”
แม้แต่ปฏิบัติการในวันที่ ๗ตุลาคม ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในสุญญากาศ มันเป็นผลมาจาก “ทศวรรษของการปิดล้อมในฉนวนกาซา และทศวรรษของคำสัญญาที่ไม่บรรลุผลต่อชาวปาเลสไตน์ว่าพวกเขาจะมีรัฐอาศัยอยู่เคียงข้าง กับอิสราเอลอย่างปลอดภัยและเป็นเพื่อนบ้านที่ดี”
ลาฟรอฟเรียกร้องให้นานาชาติติดตามภาคพื้นดินในฉนวนกาซาเพื่อป้องกันการรุกร่านของอิสราเอลอย่างจริงจัง
ต่างจากจุดยืนที่สนับสนุนเทลอาวีฟของวอชิงตัน ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันศุกร์ด้วยการยับยั้งมติหยุดยิง มอสโกยังคงรักษาจุดยืนที่ชัดเจนในการเรียกร้องให้มีการหยุดยิงโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
วาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตสหประชาชาติของรัสเซีย โต้แย้งในUN ว่าอิสราเอลไม่มีสิทธิ์ป้องกันตนเองในฐานะอำนาจยึดครอง ปธน.ปูตินเองก็พูดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการวิพากษ์วิจารณ์สงครามอิสราเอล ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็นผลมาจากความล้มเหลวของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ท่าทีที่แข็งแกร่งของรัสเซียได้พิสูจน์แล้วว่าอิสราเอลรับไม่ได้อย่างมาก
ทันกลับมาดูที่บ้านของเนทันยาฮู ผู้ประท้วงชาวอิสราเอลจำนวนมากเรียกร้องให้เนทันยาฮูลาออก เพราะไม่สามารถช่วยตัวประกันออกมาได้ กดดันให้เจรจาปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่ราว ๑๔๐ นาย
ด้านปธน.อิหร่าน อิบราฮีม ไรซีกลับถึงบ้านก็เรียกประชุมครม. และให้สัมภาษณ์ประณามสหรัฐฯทันที
ประธานาธิบดีอิหร่าน เอบราฮิม ไรซี ประณามความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ที่จะยับยั้งข้อเรียกร้องของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ต้องการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมทันทีในฉนวนกาซา เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ถึงบทบาทโดยตรงของวอชิงตันในการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์
เขากล่าวย้ำว่า“เหตุการณ์ในฉนวนกาซาได้เปิดโปงความหน้าซื่อใจคดของสหรัฐฯ และเปิดเผยภาพลักษณ์ที่โหดร้ายและต่อต้านมนุษย์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในโลก”
“การตื่นตัวของชาติต่างๆ จะปูทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงในสภาวะต่างๆ ของโลกอย่างแน่นอน และเป็นลางดีของการยุติลัทธิฝ่ายเดียวและความแพร่หลายของระบบที่ยุติธรรมซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของลัทธิพหุภาคี”
เปิดหน้าแยกข้างกันค่อนข้างชัดแล้ว ว่าฝ่ายที่เคียงข้างปาเลสไตน์ไม่ใช่แค่มหาอำนาจหลายขั้วอย่างรัสเซีย-จีน-อิหร่าน-ตุรกี-ซาอุดีอาระเบียเท่านั้นแต่นานาชาติทั่วโลกสะท้อนจากการลงมติทั้งในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติและที่สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งมติล่าสุดให้หยุดยิงทันที รับรองถึง ๑๓/๑๕ วีโต้คือสหรัฐฯรายเดียวแม้แต่สหราชอาณาจักรยังมิกล้า แค่งดออกเสียงเท่านั้น จับตาการดิ้นรนขนาดหนักของเนทันยาฮูและสายเหยี่ยว ขณะที่ฝ่ายResistance โหมหนักทางบกทั้งในกาซา ทางเหนือจากเลบานอนและทางทะเลจากเยเมน บีบเป็นคีมทั้งทางการทูต เศรษฐกิจและการทหาร ดูว่าจะหาทางลงอย่างไรที่จะไม่โดนคดีอาญากระเด็นจากบัลลังก์และรายที่จะล้มละลายเช่นเดียวกันก็คือไบเดนและสหรัฐอเมริกา!