จากที่ Blockdit World Update เปิดเผยถึงคณะผู้แทนมอสสาด เดินทางพร้อมประธานาธิบดีอิสราเอล ไปกรุงโดฮา ที่มีการประชุมภาวะโลกร้อน เพื่อเจรจารื้อฟื้นการหยุดยิงรอบ 2 โดยยื่นเงื่อนไข ขอปล่อยตัวทหารหญิง 10 รายนั้น
ทั้งนี้มีรายงานต่อมาว่า ฝ่ายปาเลสไตน์ยืนยันว่า การแลกเปลี่ยนเชลยนั้นทำได้เฉพาะพลเรือนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเชลยศึกทหารที่ส่งไปรุกรานดินแดน การเจรจาจึงล่ม
ขณะที่ ซาเลห์ อัล-อารูรี ผู้นำพรรคฮามาส แถลงว่าขณะนี้ไม่มีการเจรจาเกี่ยวกับการพักรบและไม่มีการแลกเปลี่ยนนักโทษจนกว่าจะสิ้นสุดการรุกรานรัฐปาเลสไตน์ และการหยุดยิงที่ครอบคลุมและครั้งสุดท้าย
การสู้รบกันกองพลน้อยอัล กัสซัม กองทัพฮามาส ได้ตอบโต้การทิ้งระเบิดใส่พลเรือน ด้วยการระดมยิงจรวดจำนวนมากใส่ภาคใต้ และยังภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทลอาวีฟ โดนหนักที่สุด
ในพื้นที่ตอนเหนือกาซาทหารอิสราเอล และทหารรับจ้างที่ถูกส่งเข้าไปรุกรานกำลังตกอยู่ใน เครื่องบดเนื้อกาซา ถูกระดมยิงใส่ มีการขนย้ายร่างทหารร่องแร่งมาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งโรงพยาบาล Soroka ในเมือง Beersheba ภาคใต้ ในเวลาไล่เลี่ยกันรถตู้ที่บรรทุกศูนย์ขนส่งเคลื่อนที่ของหน่วยมอสสาด ถูกยิงด้วยขีปนาวุธฮามาส โดนเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
นอกจากนี้ในวันที่ 03 ธันวาคม 2566 Blockdit World Update ยังรายงานถึงสถานการณ์ในภาคเหนือและภาคใต้ท่ามกลางการพยายามเปิดการเจรจาว่า
วันก่อนเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประชาชาติที่ปฏิบัติหน้าที่ทางตอนใต้ของเลบานอน รายงานว่าการลาดตระเวนของพวกเขาถูกยิงโดยกองกำลังอิสราเอล
สื่อนิวยอร์กไทม์ส สหรัฐ รายงานว่า นับตั้งแต่การอิสราเอลทำสงครามกับกองทัพปาเลสไตน์ หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้บรรยายสรุปให้ผู้นำสหรัฐทราบว่าขณะนี้อิหร่านมีอาวุธและระเบิดหนักจำนวนมากมาย
เกิดความเสี่ยงทำสงครามกับกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มที่อิหร่านสนับสนุนในวงกว้างขึ้น ฝ่ายบริหารของสหรัฐ ต้องการให้อิสราเอล อยู่ห่างจากการปะทะกันที่ชายแดนทางตอนเหนือกับฮิซบอลเลาะห์ เลบานอน
เซย์เยด อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เผยว่าสหรัฐ มีโครงการสถาปนา ตะวันออกกลางใหม่ หรือ Graeter Isarael โดยยึดชิงดินแดนปาเลสไตน์ กลืนอิรัก ซีเรีย และกำจัดฮิซบอลเลาะห์ เลบานอน แต่พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นถึง 10 เท่า จึงทำไม่ได้ และล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
นอกจากศึกทางใต้ที่หนักหนาแล้ว กองทัพฮิซบอลเลาะห์ เลบานอน ยังจัดหนักอย่างรุนแรงด้วยจรวดหลายลำกล้อง Katyusha รัสเซีย ต่อทางเหนือของอิสราเอล ภายในวันเดียวยิงอาวุธถล่มใหญ่ถึง 6 ครั้ง เช่น ฐานทัพ Jal Al-Allam , ฐานทัพ Ramia , ฐานทัพอัล-มาร์จ 2 ครั้ง , ฐานทัพหูนิน , ฐานปืนใหญ่ Dishon เกิดความเสียหายร้ายแรงทางทหารอย่างมาก
จากภาพรวมปัจจัยชี้ขาดสงครามที่อิสราเอล และสหรัฐ รุกรานรัฐปาเลสไตน์ ไม่ได้มาจากเครื่องบินรบ F-35 , ระเบิดขนาดใหญ่ที่ทิ้งใส่พลเรือน หรือรถถัง Merkava แต่มาจากความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และความกล้าหาญของชาวปาเลสไตน์ที่ต้องการรักษาดินแดนบรรพบุรุษ และดำรงเผ่าพันธุ์ตนเองต่อไป ต่อให้ทิ้งระเบิดสหรัฐ จนหมดคลังแสง ก็สังหารพวกเขาไม่หมด
ศึกวันแรกรอบที่ 2 ในกาซา ฝ่ายกองทัพฮามาส รัฐปาเลสไตน์ นำโดรนพลีชีพมาใช้จำนวนมากหลายจุดปล่อยเป็นอาวุธในการรบโจมตีรถถัง รถหุ้มเกราะข้าศึก ก่อให้เกิดความสูญเสียทหาร และยานรบมากชนิดที่อิสราเอลคาดไม่ถึง
ทหารปาเลสไตน์เตรียมการซุ่มโจมตีในกลยุทธ์ที่น่าทึ่งตอบโต้บรรดานายพล และนักวางแผนทางทหารชั้นเทพของสหรัฐ และอิสราเอล แม้จะใช้ช่วงหยุดยิง 7 วัน สอบสวนเชลยที่เดินทางกลับจากกาซา แล้วใช้ระบบ AI ช่วยคำนวนเพื่อแก้ไขแผนสังหารล้างเผ่าพันธุ์พลเรือน
พวกเขาคิดว่าการขอหยุดยิง จะช่วยมองเห็นจุดอ่อน เพื่อปราบปรามชาวปาเลสไตน์ให้หมดสิ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามกลับตาลปัตรกัน ล้มเหลวอย่างน่าแปลกใจ
เพียงแค่วันแรกที่กลับสู่สงครามฝ่ายอิสราเอล ยังไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในแนวหน้าสู้รบได้เลย แถมเพลี่ยงพล้ำโดนยำใหญ่อย่างหนัก กระตุ้นให้หน่วยมอสสาด อิสราเอล เร่งไปกาตาร์ ขอเจรจาหยุดยิง
ถ้าสังคมอิสราเอลรู้ความจริงความสูญเสียทางทหารทั้งภาคเหนือกับเลบานอน และภาคใต้กับปาเลสไตน์ คงช็อค และรับไม่ไหวแน่นอน