จากรายงานระบุถึงอิสราเอล ทำสงครามรุกรานชิงดินแดนเขตกาซา รัฐปาเลสไตน์ มาได้ 48 วัน พักรบ 7 วัน เพื่อแลกเปลี่ยนเชลย ฝ่ายอิสราเอล ปล่อยตัวผู้หญิงและเด็กปาเลสไตน์ชุดเก่าที่ลักพาตัวไปจากเขตเวสแบงค์นั้น
ทั้งนี้รายงานยังเปิดเผยอีกว่า มีการลักพาตัวชาวปาเลสไตน์ชุดใหม่ไปอีก 260 คน ส่งผลให้มีพลเรือนถูกอิสราเอลลักพาตัวไปคุมขังแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 มากกว่า 3,290 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และผู้หญิงที่ไม่ใช่นักรบ
โดยอิสราเอล มองว่าการทำสงครามรุกราน จะเป็นโอกาสที่จะขับไล่ชาวปาเลสไตน์ ออกจากดินแดนแล้วตนจะได้ครอบครองแทน ดังนั้นเมื่อแลกเปลี่ยนเชลยตนมาได้บางส่วนแล้ว ก็เลิกหยุดยิง และทิ้งระเบิดในแนวหลังกาซาต่อไป
ล่าสุดวันที่ 03 ธันวาคม 2566 มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังการพักรบ โดย Blockdit World Update ได้ออกมารายงานผ่านการโพสต์ข้อความไว้ว่า
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 มีเหตุการณ์สำคัญที่อิสราเอลปกปิดความจริง เมื่อกองพลน้อยอัล กัสซัม กองทัพฮามาส ใช้ทหารมากกว่า 150 นาย โจมตีพื้นที่โดยรอบกาซา ที่เป็นดินแดนรัฐปาเลสไตน์ ตามที่สหประชาชาติขีดเขตแดนไว้ แต่อิสราเอล มายึดครองไปอย่างผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ขณะที่ฮามาส บุกฐานทัพ Erez และฐาน Military Intelligence Base 8200 เป็นฐานสอดแนมของอิสราเอลต่อประเทศตะวันออกกลาง ติดตามการโทรและข้อความทั้งหมด ได้พบตัวเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง และหน่วย Shin Bet ของอิสราเอล ราว 30 นาย อยู่ข้างในฐานทัพ จึงสังหารทิ้งทั้งหมด จากนั้นยึดเอกสารสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับการสอดแนมบนชายฝั่งอียิปต์ เลบานอน ตุรกี ไซปรัส และซีเรีย
พร้อมรายชื่อของสายลับในกาซา และสายลับมอสสาด ในประเทศตะวันออกกลางทั้งหมด รวมถึงสถานที่เก็บซ่อนกล้องสอดแนมรอบกาซา
ในวันดังกล่าวกองทัพอากาศอิสราเอล จึงร้อนรนมาก หวังปกปิดความลับสั่งเครื่องบินรบทิ้งระเบิด และเฮลิปคอปเตอร์อาปาเช่ ยิงจรวดและกราดยิง พลเรือนชาวอิสราเอล และต่างชาติที่ไปร่วมเทศกาลดนตรีโนวา หลายพันคน โดยนักบินอ้างว่าแยกแยะไม่ได้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 ราย
กองทัพบก ยิงปืนใหญ่รถถังอัดใส่บ้านที่มีชาวยิวอยู่ในบ้าน จนไหม้เกรียมอีกด้วย , หนังสือพิมพ์เยรูซาเลมโพสต์ รายงานว่า รถยนต์ที่โดนกองทัพยิงจรวดโจมตีพร้อมพลเรือนในรถ จะถูกแยกชิ้นส่วนและฝังเพื่อทำลายหลักฐานสำคัญที่จะสอบสวนเอาผิดเจ้าหน้าที่อิสราเอลทั้งหมดรวมถึงผู้สั่งการ
มหาวิทยาลัยเทลอาวีฟอิสราเอล เผยผลสำรวจความคิดเห็นของพลเรือน ระบุว่าชาวยิว 57.5% เห็นว่ากองทัพใช้อำนาจการยิงและทิ้งระเบิดใส่น้อยเกินไป ในขณะที่ 36.6 เห็นว่าใช้อำนาจการยิงและทิ้งระเบิดในปริมาณที่เหมาะสม
โดยมีเพียง 1.8% เห็นว่าใช้การยิงและทิ้งระเบิดมากเกินไป ที่เหลือ 4.2% ไม่แน่ใจ ผลสรุปชาวยิวส่วนใหญ่ต้องการก่ออาชญากรรมสงคราม สังหารล้างเผ่าพันธุ์พลเรือน เพื่อรุกรานแย่งชิงดินแดนกาซา รัฐปาเลสไตน์ เพื่อนบ้านมาเป็นของพวกเขา
โดยไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักมนุษยธรรมสากล , แต่หน่วยข่าวกรองมอสสาด อิสราเอล ประเมินสงคราม 47 วันแรกการบุกภาคพื้นดินมีความพ่ายแพ้ในสงครามกลางเมือง ทหารมีความสูญเสียสูงขึ้น อีกทั้งมีทหารชายและหญิงชาวอิสราเอล ถูกทหารปาเลสไตน์ จับจากสมรภูมิรบไปเป็นจำนวนมาก
คณะผู้แทนมอสสาด เดินทางพร้อมประธานาธิบดีอิสราเอล ไปกรุงโดฮา ที่มีการประชุมภาวะโลกร้อน เพื่อเจรจารื้อฟื้นการหยุดยิงรอบ 2 โดยยื่นเงื่อนไข ขอปล่อยตัวทหารหญิง 10 ราย แต่ทางฝ่ายปาเลสไตน์ยืนยันว่า การแลกเปลี่ยนเชลยนั้นทำได้เฉพาะพลเรือนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเชลยศึกทหารที่ส่งไปรุกรานดินแดน การเจรจาจึงล่ม
ซาเลห์ อัล-อารูรี ผู้นำพรรคฮามาส แถลงว่าขณะนี้ไม่มีการเจรจาเกี่ยวกับการพักรบ และไม่มีการแลกเปลี่ยนนักโทษจนกว่าจะสิ้นสุดการรุกรานรัฐปาเลสไตน์ และการหยุดยิงที่ครอบคลุมและครั้งสุดท้าย