เค้าลางศึกใหญ้ทั้งในยุโรปและตะวันออกกลาง อาจเกิดขึ้นในไม่ช้าเนื่องจากตัวการสำคัญที่ผลักดันจุดวาบไฟหลายภูมิภาคในโลกคืออิลิทตะวันตกที่คุมอำนาจทั้งในสหรัฐฯ-ยุโรปและตะวันออกกลาง ไปถึงเอเชียแปซิฟิก ต้องการรีเซ็ตโลกภายใต้วาระการรวมศูนย์อำนาจของพวกเขา
รัสเซียโดยปธน.ปูตินได้ออกมาประกาศจุดยืนที่ชัดเจนของรัสเซีย ว่าคือกองหน้าในการต่อสู้เพิ่ออธิปไตยที่แท้จริงของประเทศ และนำโลกพลิกขั้วสู่มหาอำนาจหลายขั้วที่มีประชาธิปไตยที่แท้จริง เท่าเทียมและยุติธรรม หากไม่มีอธิปไตยของรัสเซีย ‘ระเบียบโลกที่แข็งแกร่งและมั่นคง จะเป็นไปไม่ได้’ คำพูดอาจดูอหังการแต่เวลาตลอดสองปีแห่งสงครามตัวแทนยูเครน ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของรัสเซียภายใต้การนำของปูติน ท่ามกลางความพยายามโค่นล้มทำลายของกลุ่มแองโกลแซกซอนที่นำโดยสหรัฐ-สหราชอาณาจักร ภายใต้บทบาทกร้าวของนาโต้ที่วันนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
วันที่ ๒๙ พ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ สปุ๊ตนิกและทาซซ์รายงานว่า ปธน.ปูตินแห่งรัสเซีย กล่าวปราศรัยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กับสภาประชาชนรัสเซียระหว่างประเทศว่า “หากไม่มีรัสเซียที่ทรงอำนาจและมีอธิปไตยอย่างแท้จริง จะไม่สามารถสร้างเสถียรภาพระดับโลกได้”
ประธานาธิบดีกล่าวปราศรัยกับองค์กรผ่านวิดีโอลิงก์จากเครมลิน โดยเตือนผู้เข้าร่วมว่ารัสเซียเป็นทั้งประเทศและอารยธรรม และเป็นป้อมปราการที่ต่อต้านผู้ที่พยายามจะ “โดดเด่นและครองโลกมาหลายครั้ง”“เรากำลังต่อสู้ในวันนี้ไม่เพียงเพื่อเสรีภาพของรัสเซีย แต่เพื่อเสรีภาพของทั้งโลก”
ปูตินกล่าวว่า “ขณะนี้ประเทศของเราอยู่ในแนวหน้าในการสร้างระเบียบโลกที่มีความเท่าเทียมมากขึ้น และฉันต้องการเน้นย้ำว่า หากไม่มีรัสเซียที่มีอำนาจอธิปไตยและเข้มแข็ง ระเบียบโลกที่ยั่งยืนและมั่นคงก็ไม่มีทางเป็นไปได้”
เขาอธิบายว่าชาติตะวันตกเป็นศัตรูกับรัสเซียอย่างเปิดเผย โดยพยายามที่จะทำลายลักษณะข้ามชาติของตนด้วยการพูดถึง”การปลดปล่อยอาณานิคม”และการแยกส่วน ชนชั้นสูงชาวตะวันตก “ต้องการปล้นและแยกชิ้นส่วนรัสเซีย” ปูตินเตือนว่าศัตรูของรัสเซียอาจพยายามบรรลุเป้าหมายด้วยการหว่านเมล็ดพืชที่ไม่ลงรอยกันภายในคนของเราซึ่งไม่สามารถทำได้โดยใช้กำลัง
“เราพูดอย่างเปิดเผยว่าเผด็จการของผู้นำคนหนึ่ง ที่เราเห็นมัน ทุกคนเห็นมันตอนนี้ กำลังเสื่อมโทรมลง พวกเขาพูดกัน มันกลายเป็นเรื่องบ้าไปแล้ว และเป็นอันตรายต่อทุกคนรอบตัว “คนส่วนใหญ่ทั่วโลก”ได้ตระหนักเรื่องนี้แล้ว
รัสเซียจะถือว่าการแทรกแซงหรือการยั่วยุภายนอกใดๆ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อก่อให้เกิดความขัดแย้งทางชาติพันธุ์หรือศาสนาเป็น“การกระทำที่ก้าวร้าว”และจัดการกับมัน“ตามนั้น”
รัฐบาลและสื่อตะวันตกพยายามวาดภาพรัสเซียว่าต่อต้านกลุ่มเซมิติกเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากการจลาจลในดาเกสถานที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ถูกยุยงโดยช่องทางโซเชียลมีเดียที่เชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองยูเครน ในเวลานั้น ปูตินชี้ว่า “ ชนชั้นสูงที่มีอำนาจปกครองสหรัฐฯ และบริวารของสหรัฐฯ”เป็นผู้กระทำความผิดขั้นสูงสุด อิลิทตะวันตกต่อต้านประชาชาติรัสเซียทั้งหมด ไม่ใช่แต่รัฐบาลนี้เท่านั้น
การประชุมครั้งนี้เป็นวาระครบรอบ ๓๐ ปีของสภาประชาชนรัสเซียระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเวทีที่จัดตั้งขึ้นในปี ๑๙๙๓ และนำโดยพระสังฆราชคิริลล์แห่งมอสโกว์ สมาชิกประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้นำภาคประชาสังคม หัวหน้ากลุ่มศาสนาสำคัญๆ ในรัสเซีย นักวิทยาศาสตร์และบุคคลสำคัญทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง และตัวแทนของชุมชนรัสเซียในต่างประเทศ
ในความเคลื่อนไหวของปูติน ขณะเดียวมิคาอิล บ็อกดานอฟ ผู้แทนพิเศษประธานาธิบดีรัสเซียประจำตะวันออกกลางและแอฟริกา ได้หารือกับเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำมอสโกว์ คาเซม จาลาลี เกี่ยวกับสถานการณ์ในเขตความขัดแย้งปาเลสไตน์-อิสราเอล และสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผู้แทนพิเศษประธานาธิบดีรัสเซียประจำตะวันออกกลางและแอฟริกา พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้ให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำกรุงมอสโกว์ คาเซม จาลาลี ตามคำขอของเขา ในระหว่างการสนทนา มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ สถานการณ์ปัจจุบันในเขตความขัดแย้งปาเลสไตน์-อิสราเอล สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาได้รับความสนใจเป็นพิเศษ”
ทั้งสองฝ่ายยังได้กล่าวถึงประเด็นเฉพาะอื่นๆ หลายประการในวาระตะวันออกกลาง เมื่อความตึงเครียดปะทุขึ้นอีกครั้งในตะวันออกกลางเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธจากกลุ่มฮามาสหัวรุนแรงปาเลสไตน์ซึ่งมีฐานอยู่ในฉนวนกาซาเปิดฉากการโจมตีอย่างไม่คาดคิดในดินแดนอิสราเอล
ในการประชุมใหญ่ของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติล่าสุด รองผู้แทนถาวรรัสเซียประจำสหประชาชาติ ดมิทรี ชูมาคอฟ กล่าวว่า “แผนการของเจ้าหน้าที่อาวุโสของอิสราเอลที่จะดำเนินการสู้รบอย่างดุเดือดต่อไปในฉนวนกาซา ภายหลังสิ้นสุดการหยุดชั่วคราวด้านมนุษยธรรมนั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง นั่นหมายถึงไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าความตึงเครียดรอบปัจจุบันในตะวันออกกลางใกล้จะสิ้นสุด การสู้รบอีกครั้งจะนำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนจำนวนมหาศาล และจะทำให้ภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมรุนแรงขึ้น”
หมดเส้นตายหยุดยิงแม้จะมีข่าวว่าอาจยืดเวลาออกไปอีก แต้ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการของทุกฝ่าย นั่นหมายถึงการกวาดล้างทำลายปาเลสไตน์จะยังดำเนินต่อไป และจะหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม แน่นอนกลุ่มResistance ทั้งในดินแดนคาบเกี่ยวทั้งกาซาและที่ถูกยึดครองก็จะกลับมาเดือดระอุอีกครั้ง ไปพร้อมๆกับทางภาคเหนือกับเลบานอน และภาคใต้กับเยเมน เช่นนี้ส่อเค้าการขยายแนวรบในระดับภูมิภาคก็ยากที่มีใครขัดขวางได้ แม้รัสเซียจะแสดงจุดยืนเป็นหนึ่งเดียวกับโลกอาหรับ-โลกมุสลิม ยืนยันการหยุดยิงถาวรและแนวทางสองรัฐจะต้องเกิดขึ้น ทางการทูตอาจไม่ทันกับความโกรธแค้นที่นับวันทวีความเข้มข้น จากภาพความทารุณโหดร้ายของอิสราเอลต่อพลเรือนปาเลสไตน์ หลายประเทศอาสามาช่วยรบแม้แต่สเปนซึ่งอยู่ห่างไกล ไม่ต้องพูดถึงมาเลเซีย อัลจีเรียก็ประกาศเข้าร่วมศึกครั้งนี้โดยไม่สนรัฐบาลตัวเองแล้ว!!??