จากเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 สำนักข่าวทาซนิมนิวส์และอัล-มายาดีน รายงานถึง ผู้บัญชาการกองทัพเรือกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน นายพลอาลิเรซา ตังซิรี (Alireza Tangsiri) ที่ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้นายพลอาลิเรซา ตังซิรี เปิดเผยว่า เมื่อวันจันทร์ ที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กองกำลังทางทะเลของอิหร่านได้ส่งโดรนไปยังเรือยูเอสเอส ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ และบังคับให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดก่อนที่จะเปลี่ยนเส้นทาง
ขณะที่ในวันเดียวกัน Blockdit World Update ได้เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า บริเวณตะวันออกกลางนั้นอุดมไปด้วยแหล่งพลังงานน้ำมัน และก๊าซ การขนส่งทางเรือสินค้าจำเป็นต้องผ่าน 3 เส้นทางสำคัญ คือ ทางแรก จากอ่าวเปอร์เซีย ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ มีกองทัพเรือ IRGC อิหร่านเป็นขาใหญ่คอยคุมกฎ ผ่านปากีสถาน ไปยังมหาสมุทรอินเดีย
ทางที่สอง จากทะเลแดงผ่านคลองสุเอซ อียิปต์ ที่คอยคุมกฎ ไปออกทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทางที่สามจากทะเลแดง ผ่านช่องแคบบับ เอลมันดาบ มีกองทัพเรือฮูที เยเมน คอยคุมกฎ ไปออกอ่าวเอเดน สู่มหาสมุทรอินเดีย และเอเซีย
ทั้ง 3 จุดยุทธศาสตร์นี้สำคัญต่อระบบโลจิสติกส์พลังงานและสินค้าต่อโลกมาก ทุกชาติที่ต้องใช้พลังงาน ห้ามมีปัญหาขัดแย้งกับอียิปต์ อิหร่าน และเยเมน เด็ดขาด เพราะพวกเขาเสมือนเป็นนักเลงคุมปากซอย
สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพเรือฮูที เยเมน ห้าวจัดพวกเขายึดเรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล 2 ลำที่ผ่านช่องแคบที่ควบคุม และโจมตีโดรนพลีชีพใส่ไฟไหม้อีก 1 ลำในมหาสมุทรอินเดีย สร้างความตะลึงพูดไม่ออก เพราะระยะไกลมาก
ล่าสุดผู้บัญชาการกองทัพเรือ IRGC ของอิหร่านแถลงว่า เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ เมื่อเดินทางเข้าสู่ช่องแคบฮอร์มุซ ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง อิหร่านใช้โดรนโจมตีบินคุมเชิงอยู่เหนือเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ เตือนว่าห้ามนำเฮลิคอปเตอร์บินขึ้น และต้องจอดนิ่งๆ บนเรือเท่านั้น
สหรัฐกลัวมากเมื่อพวกเขาเห็นเรือรบของอิหร่านจำนวนมาก ก็ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างว่าง่าย แล้วเผ่นน้ำบานอย่างรวดเร็ว ไปยังทิศใต้ของอ่าวเปอร์เซีย โดยอิหร่านได้บันทึกภาพความเคลื่อนไหวทั้งหมดป้องกันสหรัฐ อ้างเคลมหรือบิดเบือน
คาดว่าอิหร่าน และเยเมน ค้นพบจุดอ่อนที่สุด เจอจุดเจ็บเปราะบางที่สุดของสหรัฐ และอิสราเอล เข้าเสียแล้ว พวกเขาจึงใช้กลยุทธ์รูปแบบเดียวกับสหรัฐฯ ย้อนเกล็ด นั่นคือ จับเศรษฐกิจเป็นตัวประกัน
ส่งผลโดมิโน ให้สามารถสร้างผลกระทบต่อความเสี่ยงทางการขนส่งสินค้าพลังงานออกไป และขนอาวุธเข้ามาในย่านตะวันออกกลางอีกด้วย อันจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงต่อสหรัฐ ยุโรป และบริวาร ที่ต้องทำการค้าทั้งหมดกับเอเชีย
ก็ล้วนต้องผ่านเส้นทางที่อิหร่าน และเยเมน คุมกฎช่องแคบเท่านั้น นี่คือคำตอบว่าทำไม เมื่อกองทัพฮูที เยเมน ระดมยิงขีปนาวุธ โดรน โจมตีดินแดนยึดครอง และเรือสินค้าอิสราเอล แถมสอยโดรนสหรัฐร่วง ทำไมไม่มีใครกล้าสวน กล้าแตะต้อง หรือโวยวายอะไรพวกเขาเลย
เยเมน มีเครื่องบินรบไอพ่น เฮลิคอปเตอร์ เรือเร็ว ขีปนาวุธพิสัยกลาง และโดรนพลีชีพ จำนวนมากที่ทำลายเป้าหมายได้ระยะไกลถึง 2,000 กิโลเมตร พวกเขาพิสูจน์มาแล้วในการระเบิดและยึดเรือสินค้าที่อิสราเอลเกี่ยวข้องมาแล้ว 3 ลำ อิสราเอล ก็ไม่กล้ามีปัญหา
แม้จะมีเรือรบสหรัฐฯ 6 ลำ ที่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศเทพ ประจำการอยู่ในทะเลแดง ก็ไร้ประโยชน์ใดๆ เพราะอาวุธจากกองทัพฮูที เยเมน ก็สามารถบุกทะลวงฝ่าระบบป้องกันทางอากาศสารพัดมหาเทพเหล่านั้นไปได้
โจมตีเป้าหมายเมืองท่าไอแลต ยึดเรือ เผาเรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล ได้หน้าตาเฉย นี่คือการส่งข้อความที่ว่า พวกเขาสามารถทำลายแท่นขุดเจาะน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย แหล่งป้อนน้ำมันให้กับอิสราเอล สหรัฐ ยุโรป และบริวารได้อย่างง่ายดาย
เยเมนไม่ได้พูดเล่น แต่พวกเขาเคยทำมาก่อนแล้วจนแท่นขุดเจาะน้ำมันซาอุฯ พังไปราว 50% กองทัพสหรัฐต้องขนระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot และ THADD หนีไป ดันให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมกระอัก
ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแล้ว ดังนั้นขาใหญ่คุมปากซอยอิหร่าน และเยเมน เขาต้องการให้หยุดรุกรานรัฐปาเลสไตน์ ปลดปล่อยให้เป็นอิสระตามมติสหประชาชาติ และสหรัฐ ออกไปจากตะวันออกกลาง ฝ่ายสหรัฐ อิสราเอล ยุโรปจะเดือดร้อนหนักยิ่งกว่านี้แน่นอน