ไปไกลกันพอสมควรหลังกกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยพรรคอนาคตใหม่จากการกู้ยืมเงิน โดยคนหลายออกมาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว แต่ที่น่าสนใจคือฝ่ายที่เชียร์พรรคสีส้มนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด-แปลกประการใด!!! แต่ที่ชวนสงสัยและผิดหวังอยู่บ้างก็ตรงที่ตรรกะความคิดที่นำมาประกอบการสนับสนุนที่หาความชัดเจนถูกต้องบนฐานข้อเท็จจริงแทบไม่มีเลย ทั้งพบบางคนที่ไปไกลกว่านั้นมาก??? อย่างไรลองมาติดตาม!?!
.
ข้อเท็จจริงยุติเพราะยอมรับเอง!?!
12 ธ.ค. นายแสวง บุญมี รองเลขาฯกกต. พูดกรณีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค เรื่องดังกล่าว กกต.ได้มีมติส่งศาลไปแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องเป็นผู้พิจารณา
.
ขณะรายงานข่าวระบุ ทาง กกต.เห็นว่าเรื่องการกู้ยืมเงิน ข้อเท็จจริงยุติแล้ว เพราะนายธนาธรและพรรคก็ยอมรับว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริง จึงเหลือเพียงประเด็นปัญหาข้อกฎหมายว่าพรรคการเมืองสามารถกู้ยืมเงินมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่
เพราะมาตรา 62 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เขียนต่างจากปี 2550 ที่กำหนดรายได้อื่นไว้ ทำให้พรรคการเมืองในขณะนั้นมีการกู้ยืมเงินจากหัวหน้าพรรค แต่จะเป็นประเภทของเงินทดรองจ่ายไปก่อน และ เมื่อกฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลบริจาคได้ไม่เกินรายละ 10 ล้านบาท และเงินกู้ที่เกินวงเงินจะถือว่าเป็นการบริจาคเกินที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จึงจำเป็นต้องส่งศาลให้พิจารณาจนสิ้นสุดความ เพื่อที่จะได้เป็นบรรทัดฐานต่อไป
“ที่ กกต.มีมติในคำร้องนี้เลยโดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้นายธนาธร หรือผู้แทนของพรรคมาชี้แจงก่อน เป็นการใช้อำนาจของ กกต.ตามมาตรา 93 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองที่เปิดช่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีความเห็นพร้อมรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานส่ง กกต.พิจารณาได้เลย”
.
อนค.กลัวที่ไหน ยุบพรรคธิปไตย???
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ ระบุว่า อนาคตใหม่ กลัวที่ไหน วันนี้ได้เห็นสปิริตของเพื่อนผู้แทนราษฎรจากหลายพรรค ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่มาให้กำลังใจ หลายคนบอกว่าประเทศไทยควรหลุดจากวงจรยุบพรรคธิปไตยได้แล้ว การเมืองไทยควรก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่เดินถอยหลัง
.
ขณะสังคมออนไลน์ สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งกองเชียร์ ผู้สนับสนุนต่างพากันการติด #กลัวที่ไหน หลัง กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยยุบพรรค กรณีกู้เงินนายธนาธร จำนวน 191,200,000 บาท
.
ตรรกะพิสดารนักวิชาการปชต.-โยนบาปโทษผู้ปกครอง?!?
ส่วน รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวไว้บางช่วงที่ชวนตื่นตะลึงในตรรกะของนักวิชาการฝ่ายประชาธิปไตยผู้นี้ ซึ่งระบุว่า การยุบพรรคเป็นอาวุธที่ใช้ทำลาย ปชต.มาตลอดสิบกว่าปีอย่างได้ผล
“ในประเทศไทยองค์กรการเมืองทั้งหมดล้วนผูกขาดในมือผู้ปกครองทั้งสิ้น มีแต่พรรคการเมืองเท่านั้นที่เป็นองค์กรการเมืองชนิดเดียวของ ปชช. การยุบพรรคจึงเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพทางการเมืองประการสุดท้ายของ ปชช.ทุกคนที่ลงคะแนนให้พรรคนั้น คือสิทธิเสรีภาพที่จะตัดสินใจกำหนดอนาคตของตัวเองผ่านองค์กรการเมืองเท่าที่พอจะมีอยู่บ้าง” รศ.ดร.พิชิต กล่าว
.
คนบันเทิงไม่บันเทิง : เต็ดเรียกพี่…
12 ธ.ค.62 นายยุทธนา บุญอ้อม หรือ ป๋าเต็ด เจ้าพ่อมิวสิคเฟสติวัลเมืองไทย โพสต์แสดงความเห็นทางการเมืองผ่านทวิตเตอร์กรณี กกต.มีมติส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่า ข่าวยุบพรรคนี่เหมือนฝั่งรัฐบาลจะกลัวว่าคนจะไป “วิ่งไล่ลุง” กันน้อยเกินไปหรือเปล่า เลยโปรโมทให้นิดนึง
.
ก่อนหน้านี้ นายยุทธนา ยังโพสต์ทวิตเตอร์อีกว่า เห็นหัวกันบ้างเถอะพี่ #ไม่ได้ชังชาติหรอก ชังพี่นั่นแหละ และตั้งกติกาไปเลยสิว่าประเทศนี้จะมีพรรคเดียว พรรคของพวกพี่ พรรคอื่นก็ยุบให้หมด
.
ยุบอนค.ธงกลุ่มปกครอง : มายาคติผู้ลี้ภัย
12 ธ.ค.62 – นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ที่ลี้ภัยอยู่ประเทศฝรั่งเศส ก็ออกมาเคลื่อนไหวอีกเช่นเคยหลังกกต.มีมติคดีพรรคอนาคตใหม่ โดยโพสต์ข้อความ ” ขอประนามกกต.ส่งเรื่องยุบพรรคอนาคตใหม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
“อันเป็นไปตามธงของกลุ่มปกครองคณะประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการทำลายพรรคฝ่ายค้านทำลายพรรคนี้ อันเป็นการละเมิดหลักการประชาธิปไตยทีจะยุบพรรคการเมืองมิได้ ผมส่งข่าวนี้ไปยังอียู รัฐสภายุโรป กระทรวงต่างประเทศอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส และสื่อมวลชน เพื่อขอให้ติดตามอย่างใกล้ชิด คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะยุบพรรคอนาคตใหม่เร็ว”
.
12ปีคดียุบพรรค!!! ผิดเพราะกม.หรือเคลือบตัวปชต.???
ในขณะที่รอการวินิจฉัยกรณีของพรรคอนาคตใหม่จากศาลรัฐธรรมนูญ ในวันนี้จึงอยากพาย้อนไปดูถึงประวัติศาสตร์คดีการยุบพรรคสำคัญๆในห้วงเวลาทศวรรษที่ผ่านมาให้ประชาชนสังคมไทยได้พิจารณาถึงแก่นสารที่แท้จริงว่า เป็นเพราะเหตุผลใดที่บรรดาพรรคการเมืองเหล่านี้ถึงมีอันต้องเป็นไป?!?
.
ช่วงปี 2548-2549 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น ร้องกกต. กล่าวหาว่า พรรคไทยรักไทยจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังได้ปลอมแปลงเอกสารฐานข้อมูลสมาชิกพรรค ขณะพรรคไทยรักไทยร้องเรียนกลับว่าถูกพรรคประชาธิปัตย์จ้างพรรคเล็กใส่ร้ายพรรคตน
.
โดยครั้งนั้นนายสุเทพ ร้องเรียน กกต.ว่า พรรคไทยรักไทย จ้างพรรคการเมืองขนาดเล็ก อย่างพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทยลงสมัคร ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ กกต.ปลอมแปลงฐานข้อมูลสมาชิกพรรคเล็กเมื่อปี 2549
.
กกต.เห็นว่า พรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทยกระทำความผิด จึงส่งอัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค ระหว่างนั้นเกิดรัฐประหารรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2540 และตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญใหม่ 9 คน เพื่อพิจารณาคดี
.
คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ มีมติให้ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ในข้อกล่าวหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย พร้อมสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้ง 3 พรรค รวม 111 คน นาน 5 ปี เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2550 หรือที่เรียกว่า “บ้านเลขที่ 111”
.
ทั้งนี้เนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ได้กำหนดไว้ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองใด ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบนั้นเป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง
.
ซื้อเสียงทำผิดกม. จะอ้างเป็นพรรคปชต.ได้หรือ???
ปี 2551 พรรคพลังประชาชน ถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินี หรือตัวแทนพรรคไทยรักไทย โดยในขณะนั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยนายทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งกกต.สรุปว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะชี้ว่า พรรคพลังประชาชน เข้าข่ายเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย แต่ไม่มีกฎหมายเอาผิด???
.
ต่อมา กกต.ได้มีมติให้ใบแดงพรรคพลังประชาชน และส่งความเห็นไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนในขณะนั้น หลังพบว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งที่จังหวัดเชียงราย
.
8 ก.ค.2551 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง วินิจฉัยเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ 5 ปี พร้อมส่งอัยการสูงสุด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน และในวันที่ 2 ธ.ค.2551 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน 37 คน เป็นเวลา 5 ปี
.
เช่นเดียวกับ พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็มมติกกต.เสียงข้างมาก ส่งคำร้องอัยการสูงสุดขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคด้วย เพราะมีกรรมการบริหารพรรคการเมืองกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย โดยเพิกถอนสิทธิทางการเมือง พรรคชาติไทย จำนวน 43 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย จำนวน 29 คน และรวมกับพรรคพลังประชาชนจำนวน 37 คน ซึ่งทั้งหมดถูกเรียกว่า “บ้านเลขที่ 109”
.
ปฏิปักษ์การปกครองฯ ดึงสถาบันยุ่งการเมือง???
7 มี.ค.62 องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดฟังคำวินิจฉัย กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) หลังจาก ทษช.มีหนังสือแจ้งรายชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อเสนอแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
.
โดยเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยมีคำสั่งให้ยุบพรรคทษช. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ตามมาตรา 92
.
ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์สั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ตามมาตรา 92 และมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมือง แก่คณะกรรมการบริหารพรรค 10 ปี และห้ามจัดตั้งพรรคการเมือง เป็นเวลา 10 ปี และห้ามใช้ชื่อซ้ำ และชื่อย่อเกี่ยวกับพรรคการเมืองนี้ เป็นเวลา 10 ปี
.
อย่างไรก็ตามศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งมีเนื้อหาบางช่วงที่สำคัญว่า เมื่อการกระทำของผู้ถูกร้องมีหลักฐานชัดเจนว่า ได้กระทำโดยรู้สำนึก และสมัครใจอย่างแท้จริง กรรมการบริหารย่อมรู้ดีว่า รู้ดีว่าทูลกระหม่อมเป็นพระราชธิดาองค์ใหญ่ และเป็นเชษฐภคินี แม้จะถวายบังคมลาจากฐานันดรศักดิ์ แต่ยังคงดำรงเป็นสมาชิกแห่งพระบรมจักรีวงศ์
“การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง ทั้งยังเป็นการกระทำที่วิญญูชน คนทั่วไปรู้สึกได้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องถูกนำมาใช้เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองอย่างแยบยล ให้ปรากฏผลเหมือนฝักใฝ่ทางการเมืองและมุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมือง
โดยไม่คำนึงถึงหลักการพื้นฐานสำคัญในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียฐานะที่ต้องอยู่เหนือการเมืองและเป็นกลางทางการเมือง เป็นจุดเริ่มต้นของการเซาะกร่อน บ่อนทำลาย เป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรม เสื่อมทรามเป็นเหตุให้เข้าข่ายเป็นกากระทำเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครอง ตามมาตรา 92 จึงมีมติเอกฉันท์สั่งยุบพรรคการเมืองผู้ถูกร้อง”
.
นั่นคือคดียุบพรรคการเมืองที่ผ่านมาตลอด12ปีซึ่งเป็นบางคดี บางพรรคที่สำคัญ ในขณะที่พรรคอนาคตใหม่นั้นยังต้องรอการวินิจฉัยจากศาล แต่สิ่งที่อยากให้สังคมคนไทยยึดมั่นก็คือ มีการกระทำผิดจริงหรือไม่ พรรคการเมืองที่โดนยุบและ/หรือกำลังจะถูกยุบด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ได้กระทำผิดกฏหมายหรือเพียงอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย!!! โดยเรื่องนี้ประชาชนต้องรู้เท่าทันไม่ปล่อยให้ใครมาปลุกปั่นให้บ้านเมืองวุ่นวายด้วยการทำผิดแต่ไม่สำนึก?!?
#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง