ปูตินออกหน้า!! ประชุมด่วนBRICS ๑๑ประเทศ แก้ปัญหาวิกฤติตะวันออกกลาง

0

สถานการณ์ของชาวรัสเซียที่ถือสองสัญชาติ ได้เดินทางออกจากกาซาและอิสราเอลแล้ว ล่าสุดเครื่องบินที่บรรทุกชาวรัสเซีย ๑๑๗ คนเดินทางจากฉนวนกาซามาขึ้นเครื่องที่ไคโร ได้ลงจอดที่กรุงมอสโกว์เรียบร้อย โดยมีแพทย์และนักจิตวิทยาของกระทรวงร่วมเดินทางด้วย ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่าต่อจากนี้จะยังมีเพิ่มอีกหรือไม่ หลังจากดำเนินการมาแล้วถึง ๓ ครั้งในตลอดสองสัปดาห์

หลังจากที่รัสเซียเน้นเจรจาขอพาคนรัสเซียเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว การเคลื่อนไหวประเด็นกาซา ชัดเจนมากขึ้น ล่าสุดปธน.ปูตินเดินหน้าจัดประชุมด่วนBRICS กำหนดท่าทีและมาตรการต่อสถานการณ์ร้อนที่วันนี้ ไม่มีแนวโน้มที่อิสราเอลจะหยุดกวาดล้างชาวปาเลสไตน์ขยายจากฉนวนการซา คืบคลานไปยังเวสต์แบงก์แล้ว

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โฮสเซน อามีร์-อับดุลลาห์เฮียน เรียกร้องให้มอสโกมีบทบาทเชิงรุกมากขึ้นในความพยายามสันติภาพในตะวันออกกลาง หลังการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างอามีร์-อับดุลลาห์ยัน และรมว.ต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ

เขาย้ำว่า “สิ่งสำคัญคือต้องป้องกันการกวาดล้างทางชาติพันธุ์และการบังคับอพยพของชาวฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ และการเรียกประชุมวิสามัญกรณีเร่ง ด่วนจึงได้เกิดขึ้นในทันที

นอกจากนี้นักการทูตระดับสูงของรัสเซียได้เคลื่อนไหว เปิดประเด็นสัมภาษณ์ถึงต้นตอของความรุนแรงในตะวันออกกลางและหนทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในประเด็นเร่งด่วนอื่นๆ และเดินหน้านับพบหารือกับตุรกีอย่างต่อเนื่อง

วันที่ ๒๑ พ.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวปาเลสไตน์โครนิเคิลและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ปธน.ปูตินแห่งรัสเซียเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ด่วนวาระพิเศษ ในรูปแบบการประชุมผ่านวิดีโอ เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์-อิสราเอล” 

ปธน.ซีริล รามาโฟซาแห่งแอฟริกาใต้ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีกลุ่ม BRICS คนปัจจุบัน เปิดเผยว่า การประชุมจะเน้นไปที่สถานการณ์ในฉนวนกาซาโดยเฉพาะ ผู้เข้าประชุมประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ สมาชิกใหม่ของสมาคมก็ได้รับเชิญเข้าร่วม ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย อาร์เจนตินา อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

นอกจากนี้อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเป็นแถลงการณ์ร่วม

อิสราเอลดำเนินปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ในฉนวนกาซามานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาส ซึ่งทำให้ชาวอิสราเอลเสียชีวิตไปราว ๑,๒๐๐ คน เดิมนั้นประกาศว่า ๑,๔๐๐ รายแต่ทางการอิสราเอลมาประกาศปรับตัวเลขเมื่อเร็วๆนี้ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นอกจากนี้ ยังมีทหาร ชาวอิสราเอลและต่างชาติมากกว่า ๒๐๐ คนถูกจับเป็นตัวประกันโดยกลุ่มฮามาส

อิสราเอลโดยIDF ตอบโต้ด้วยการทิ้งระเบิดปูพรมครั้งใหญ่ใส่ฉนวนกาซา ตามมาด้วยปฏิบัติการภาคพื้นดิน ยอดผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของอิสราเอลในเขตวงล้อมนี้เกิน ๑๓,๐๐๐ รายแล้ว ตามการระบุของกระทรวงสาธารณสุขที่ฉนวนกาซา

รัสเซียเรียกร้องให้หยุดยิงอย่างทันทีในฉนวนกาซาผ่านการประชุมUNSCซ้ำแล้วซ้ำเล่า  เมื่อต้นสัปดาห์นี้ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ บอกว่าวิธีเดียวที่จะยุติความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์คือผ่านกรอบการแก้ปัญหาสองรัฐที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติอย่างเป็นเอกฉันท์ ซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างแท้จริงจากทุกฝ่ายจึงจะนำไปปฏิบัติได้ แต่ทุกครั้งที่ผลักดันไปในการประชุมสหประชาชาติก็เกิดการวีโต้จากฝ่ายสนับสนุนอิสราเอลตลอดมา

วาระการประชุมBRICSครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมทุกคนจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “ วิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาในปัจจุบัน ” ผู้นำต่างๆ ได้รับการคาดหวังให้นำแถลงการณ์ร่วมในประเด็นนี้มาใช้เพื่อให้เกิดแรงกดดันอย่างทั่วด้านต่ออิสราเอลจนต้องหยุดรุกราน

ด้านอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติเข้าร่วมการประชุมด้วย ได้กล่าวประณามอิสราเอลต่อวิกฤติครั้งนี้ว่า การทำสงครามกับฉนวนกาซาของอิสราเอล เป็นการสังหารพลเรือนที่ไม่มีใครเทียบได้และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง 

รมว.ต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ สัมภาษณ์พิเศษระบุว่า “การที่สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะกำหนดข้อจำกัดใดๆกับอิสราเอลนั้น ถือเป็นอุปสรรคต่อการควบคุมการนองเลือด ความเสี่ยงที่ความเป็นปรปักษ์ในฉนวนกาซาจะทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นสงครามในภูมิภาค แม้ผู้เล่นในเลบานอนและอิหร่านเองก็ไม่มีความต้องการที่จะเลือกเส้นทางนี้”

การที่สหรัฐฯ ตราหน้ามอสโกว์ว่าเป็น“ผู้นอกกฎหมายระหว่างประเทศ”และ“รัฐโกง”แม้ว่าจะมีหลักฐานที่ตรงกันข้ามว่า คนที่ใส่ร้ายรัสเซียกระทำการนอกกฎหมายเสียเองมากกว่า  เขายังกล่าวถึงแรงบันดาลใจของประเทศในแอฟริกาที่จะได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรมของความมั่งคั่ง ที่เกิดจากความร่ำรวยทางธรรมชาติของพวกเขา และมุ่งมั่นในการปรับสมดุลโดยรวมของอำนาจทั่วโลก

หลังอพยพคนรัสเซียออกจากสถานที่แห่งศึกล้างชาติพันธ์แล้ว รัสเซีย-จีน-อิหร่านก็เร่งเดินหน้าสร้างแนวร่วมอย่างกว้างขวาง เพื่อผลักดันมติร่วมในการยกระดับมาตรการกดดันต่อสหรัฐฯและอิสราเอลให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น  เมื่อสหรัฐและอิสราเอลต้องการสงคราม ตอนนี้ก็เจอกับสงครามแบบไม่เป็นทางการแล้วรอบทิศจับตาก้าวต่อไป ในหน้างานจะสังเกตเห็นการนำอาวุธทันสมัย จำนวนมากเข้ามาสู่การต่อสู้แล้ว ข่าวการแลกตัวประกันดูเหมือนจะมีวี่แววว่าอาจเกิดขี้นไม่นานนี้ เพราะท่าทีของสหรัฐฯทีส่งหัวหน้าCIA ไปคุยกับMOSSAD ที่กาตาร์โดยเฉพาะ แม้อิสราเอลยังไม่ยืนยันว่าจะมีการแลกตัวประกันจริงก็ตาม !!